ในสมัยก่อนที่ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ที่ใช้รักษาแผลจากแพทย์แผนตะวันตก เวลาที่มีบาดแผลเกิดขึ้นวิถีของคนโบราณมักจะใช้สมุนไพรที่มีรสฝาดมาทาหรือพอกบริเวณแผลเพื่อห้ามเลือดและช่วยรักษาบาดแผลที่ผิวหนัง เนื่องจากพืชเหล่านี้มีสรรพคุณที่ช่วยในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้รวมถึง สามารถสมานแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้น ภายหลังค้นพบว่า สารที่อยู่ในพืชเหล่านี้ มีชื่อว่า แทนนิน (Tannin) โดยจะพบสารนี้ได้บ่อยในเปลือก และใบเป็นส่วนมาก นอกจากนี้ปัจจุบันยังมีการพัฒนานำผลผลิตจากธรรมชาติเหล่านี้มาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ สำหรับดูแลแผลอีกด้วย อย่างที่เราจะได้เห็นบ่อย ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์จากเปลือกมังคุด ชาเขียว ใบฝรั่ง กล้วยดิบ เปลือกไข่ สิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยสมานแผลได้ทั้งสิ้น จึงไม่แปลกเลยที่คนสมัยก่อนหากมีอาการของเริม ก็น่าจะใช้การดูแลแผลเช่นเดียวกับแผลบริเวณอื่น ๆ พออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ก็เริ่มน่าสนใจมากขึ้นใช่ไหมคะ เมื่อมีการพูดกันว่า เราสามารถใช้ยางจากกล้วยรักษาแผลเริมได้ แน่นอนว่าจะต้องเกิดเป็นข้อสงสัยที่ถกเถียงกันไม่น้อย ว่าจริง ๆแล้วสามารถทำได้จริงไหม วันนี้ ปุณรดายาไทย จะมาตอบข้อสงสัยเรื่องนี้กันค่ะ
ยางกล้วยแท้จริงแล้วคือส่วนน้ำยางของผลกล้วยดิบ ซึ่งเป็นส่วนที่พบสารแทนนินได้เช่นเดียวกัน นอกจากในยางกล้วย เรายังสามารถพบสารแทนนินได้ในพืชอีกหลายชนิด เช่น ใบฝรั่ง เปลือกมังคุด ชาเขียว และเปลือกไม้หรือยางไม้ต่าง ๆ โดยสารแทนนินมีสรรพคุณสารพัดประโยชน์ เช่น สามารถใช้บรรเทาอาการท้องเสีย โรคบิด ระงับกลิ่นปาก บรรเทาอาการพุพองของแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก รักษาโรคกระเพาะอาหาร และประโยชน์ที่สําคัญอีกประการหนึ่ง คือ ความสามารถในการป้องกันการทําลายของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราบางชนิดได้
สามารถใช้ได้จริง แต่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ค่ะ เนื่องจากการใช้ยางกล้วยจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะคุณสมบัติในการสมานแผลของสารแทนนินในยางกล้วยสามารถใช้กับแผลบริเวณผิวหนังได้แทบทุกชนิด แต่หากใช้โดยไม่ระมัดระวังก็อาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแทรกซ้อนจากความไม่สะอาด หรือเกิดความระคายเคืองในผู้ที่มีผิวหนังบอบบางจนเกิดอาการแพ้และทำให้อาการเป็นมากขึ้นได้ และที่สำคัญอาจจะทำให้แผลทำความสะอาดได้ยากขึ้นจากความเหนียวของยางกล้วย และโดยตามธรรมชาติของโรคเริม แผลเริมสามารถหายเองได้ตามระยะเวลาของโรค ดังนั้นการใช้ยางกล้วยก็อาจจะไม่มีความจำเป็นนะคะ
วิธีการที่ดีที่สุดในการรักษาเริม คือการดูแลระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับผู้อื่น โดยเฉพาะการใช้แก้วน้ำหรือช้อนร่วมกัน เพราะจะทำให้เกิดการติดต่อไปยังผู้อื่นและก็เสี่ยงที่เราจะได้รับเชื้อเริมเพิ่มขึ้นได้ แต่หากอยู่ในระหว่างที่มีอาการก็ให้หมั่นดูแลความสะอาดของแผลให้ดี และทำแผลอย่างถูกวิธี อาการก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นได้
จะเห็นได้ว่าบางทีการรักษาที่มีการบอกต่อ ๆกัน อาจจะไม่เหมาะ หรือไม่จำเป็นกับลักษณะแผลบางประเภทได้ อีกทั้งหากมีความเสี่ยงและข้อควรระวังก็ควรที่จะทราบ ดังนั้นก่อนที่จะเลือกวิธีการรักษาหรือดูแลตัวเองควรที่จะมีการศึกษาให้ดีก่อน เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อร่างกายของเรานะคะ แล้วมาพบกับข้อมูลสุขภาพดี ๆ ได้ใหม่กับปุณรดายาไทย แพทย์แผนไทยที่ใกล้คุณที่สุด ขอบคุณค่ะ
สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 02-1147027
ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร
"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"
แพทย์แผนไทย
" ความมั่งคั่งที่แท้จริง จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรามีสุขภาพกายและใจที่ดี สมดุล แข็งแรง "