อาการท้องผูกเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และอาการท้องผูกก็มีด้วยกันหลายแบบ ชวนทุกคนมารู้ความต่างของแต่ละแบบกันนะคะเพื่อจะได้เลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับอาการแต่ละแบบ อาการท้องผูกจะได้หายขาดได้ค่ะ
ตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน แบ่งอาการท้องผูกออกเป็นหลายประเภท และยังมีการรักษาที่แตกต่างกันไป ซึ่งเหมือนกับศาสตร์แพทย์แผนไทยที่ใช้การวิเคราะห์ธาตุในร่างกายมาใช้ในการรักษา
การรักษาอาการท้องผูกจึงไม่ควรซื้อยาระบายทั่วไป หรือยาตัวไหนก็ได้มาทานเอง เพราะธาตุในร่างกายแต่ละคนแตกต่างกัน สาเหตุการเกิดก็แตกต่างกันได้ จึงทำให้การซื้อยามาทานเองอาจไม่ตอบโจทย์ ในบางคนอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา และโอกาสกลับมาเป็นซ้ำอีกสูงมาก
ดังนั้นการรักษาอาการท้องผูกให้หายสนิท ต้องดูแลเรื่อง อาหารการกิน และจะต้องปรับธาตุให้สมดุล รักษาจากต้นเหตุบนพื้นฐานของความเข้าใจธาตุในตัวเรา แต่ก่อนอื่น เรามาความความเข้าใจอาการที่เป็นกันก่อนดีกว่าค่ะ
1. ขับถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้ง/สัปดาห์
2. ก้อนอุจจาระแข็ง
3. ต้องออกแรงเบ่งถ่าย จนอาจมีอาการปวด เจ็บ
4. ท้องอืด มีลมเยอะ แน่นท้อง และรู้สึกว่าถ่ายไม่สุด อึดอัด
หากคุณมีอาการ 1 ใน 4 ข้อนี้ เป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าธาตุในร่างกายเราผิดปกติไปแล้ว ซึ่งศาสตร์แพทย์แผนจีนได้มองสาเหตุการเกิดอาการท้องผูก ออกเป็น 2 แบบใหญ่ๆ ดังนี้
1.1 ท้องผูกแบบร้อน (หยางเเกร่ง)
1.2 ท้องผูกแบบพลังอุดกั้น
2.1 ท้องผูกเเบบเย็น (หยางพร่อง)
2.2 ท้องผูกแบบพลังพร่อง
2.3 ท้องผูกแบบเลือดพร่อง
1.ท้องผูกแบบร้อน (หยางเเกร่ง)
ศาสตร์เเผนจีนกล่าวว่า เกิดจากความร้อน (หยาง) สะสมในระบบย่อยอาหาร คือกระเพาะและลำไส้ ทางแผนไทยมองว่าการที่เกิดความร้อนสูงมักมาจากการทานอาหารรสจัด ของทอดของมัน อาหารย่อยยาก ดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ ความร้อนที่มากขึ้นจะไปทำลายสารน้ำ ทำให้ลำไส้เเห้ง ขาดความชุ่มชื้น และอุจจาระแข็ง แห้ง และตกค้างสะสม เพราะไม่สามารถกำจัดออกไปได้
อาการที่เป็น คือ
- อุจจาระแข็ง แห้ง
- กดหน้าท้องจะรู้สึกปวด
- หน้าแดง ปากเป็นแผล ตัวร้อน
- คอแห้ง มีกลิ่นปาก
- กระหายน้ำ หงุดหงิดง่าย
- ลิ้นแดง ฝ้าบนลิ้นบางเหลือง-แห้ง
- ชีพจรเร็ว ลื่น
2.ท้องผูกแบบพลังอุดกั้น
ทางเเเผนจีนกล่าวว่า เมื่อร่างกายมีภาวะกดดัน ตึงเครียดหรือความโกรธโมโห จะมีผลต่อการทำงานในด้านการกระจายชี่ของตับ หรือการเคลื่อนไหวลมปราณของตับ ทำให้เกิดการอุดกั้น พลังลมปราณภายในไม่มีการเคลื่อนไหวส่งผลไปถึงลำไส้ใหญ่ ทางแผนไทยมองว่าการที่อารมณ์แปรปรวน ความเศร้าเสียใจ โกรธ และความเครียด จะทำให้ธาตุไฟกำเริบ และธาตุลมแปรปรวน ไหลเวียนผิดทาง หรือไหลย้อนกลับ ทำให้ไม่เกิดการย่อยอาหาร ดูดซึม และระบายของเสียได้ตามธรรมชาติ
อาการที่เป็น คือ
- จุกเสียดแน่นท้อง แน่นชายโครง เรอบ่อย
- ไม่ปวดถ่าย ไม่อยากอุจจาระ
- ถ้าถ่ายจะต้องใช้เวลานาน และรู้สึกถ่ายไม่สุด
- เบื่ออาหาร
- ฝ้าบนลิ้นบาง และเหนียว
- ชีพจรตึง
1. ท้องผูกเเบบเย็น (หยางพร่อง)
ทางแผนจีนมองว่า มักเกิดกับผู้สูงอายุ หรือคนที่มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรังที่ระบบม้ามและไตผิดปกติ เพราะท้องผูกแบบเย็น เกิดจากหยางของม้ามและไตพร่อง ทำให้มีภาวะความเย็นในร่างกาย พลังและหยางไหลเวียนไม่คล่อง สารน้ำในร่างกายไม่หมุนเวียน เกิดการติดขัดของทางในการขับอุจจาระ ทางแผนไทยมองว่าเมื่อไฟย่อยทำงานไม่ดี หรือลดลงไป จะทำให้ธาตุน้ำกำเริบขึ้น และเป็นน้ำเสีย (เมือกมัน) ที่มาจากสิ่งที่ไม่ผ่านการย่อยตามกระบวนการธรรมชาติ ของเสียจะเริ่มสะสมและเกิดเป็นเมือกมันเกาะค้างในลำไส้ ทั้งการย่อยอาหารที่ไม่ดี ก็จะยิ่งส่งผลให้ร่างกายขับของเสียออกยากขึ้นไปอีก
อาการที่เป็น คือ
- ถ่ายอุจจาระลำบาก
- อุจจาระอาจจะแข็งหรือไม่แข็ง
- ปัสสาวะมากเเละมีสีขาวใส
- แขนขาเย็น
- ลิ้นขาวซีด ฝ้าบนลิ้นหนาสีขาว
- ชีพจรช้าเเละบิด
2.ท้องผูกแบบพลังพร่อง
ทางแผนจีนมองว่าเกิดจากพลังหยางของม้าม และปอดพร่อง ม้ามทำหน้าที่เกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร พลังจะพร่องไปจากการทานอาหารที่มีฤทธิ์เย็น ของหวาน ของทอดของมัน รวมถึงถูกความเย็นกระทบบริเวณท้อง ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานบกพร่อง จนอาจกระทบถึงม้าม ทำให้ม้ามชื้นได้ เมื่อไม่มีพลังจากการลำเลียงของม้าม กระทบไปถึงปอด ทำให้การกระจายสารน้ำของปอดลดลง ส่งผลไปที่พลังของลำไส้ใหญ่อ่อนแรง และขาดแรงในการขับเคลื่อนอุจจาระ
ทางแผนไทยมองว่าการทานอาหารที่มีฤทธิ์เย็นจะไปทำให้ไฟย่อยในกระเพาะอาหารลดลง ลมเคลื่อนไม่ดี ขาดลมที่ใช้ในการขับของเสียออกจากร่างกาย ทำให้รู้สึกปวดถ่าย แต่ขาดแรงเบ่ง จึงทำให้ก้อนอุจจาระสะสมเป็นก้อนแข็งและเกิดอาการท้องผูก และเมื่อทานอาหารที่มีฤทธิ์เย็นปริมาณมากเป็นประจำ ระบบย่อยอาหารจะแย่ลงเรื่อยๆ ไฟและลมจะพิการไปจนย่อยอาหารที่ทานเข้าไปไม่ได้ ทำให้อุจจาระเหลว หรือปวดถ่ายหลังทานอาหารตามมาได้
อาการที่เป็น คือ
- อุจจาระเป็นก้อนแข็ง และต่อมาเหลว
- รู้สึกอยากถ่ายอุจจาระ แต่ไม่มีแรงเบ่ง
- เหงื่ออกง่าย หายใจสั้น
- ใบหน้าขาวซีด เหนื่อยง่าย
- ลิ้นขาว ซีด ฝ้าบาง
- ชีพจรอ่อนแรง
3.ท้องผูกแบบเลือดพร่อง
ทางแผนจีนมองว่าท้องผูกชนิดนี้เกิดจากเลือดในร่างกายลดลงหรือพร่องลง เท่ากับสารน้ำในร่างกายลดลง และทำให้พลังพร่อง เมื่อขาดน้ำหล่อเลี้ยงไปที่ลำไส้ ลำไส้เกิดภาวะขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื้นจนลำไส้ใหญ่เเห้ง ส่วนพลังพร่องทำให้พลังขับเคลื่อนลดลง ทำให้ของเสียตกค้างภายในร่างกาย
ทางแผนไทยมองว่าเลือดเป็นธาตุน้ำชนิดหนึ่ง ที่สำคัญในการหล่อเลี้ยงทั้งด้านความชุ่มชื้น และการทำงานของธาตุดิน (อวัยวะทุกอย่างในร่างกาย) หากลำไส้ขาดทั้งความชุ่มชื้นและขาดเลือด ทำให้การทำงานของลำไส้ผิดปกติไปจนเกิดการสะสม และของเสียตกค้างในลำไส้
อาการที่เป็น คือ
- ใบหน้าซีดหรือเหลืองเล็กน้อย ไม่มีน้ำมีนวล
- อุจจาระแห้ง แข็ง เป็นก้อนเล็กๆ
- เวียนศีรษะ ตาพร่ามัว ใจสั่น
- ลิ้นซีด ไม่มีฝ้า
- ชีพจรเล็ก
หลักการรักษากับปุณรดายาไทย คือหาสาเหตุ สิ่งที่มากระทบทำให้ธาตุผิดปกติไป ซึ่งต้องพิจารณาจากพื้นฐานธาตุของแต่ละคนร่วมด้วย การรักษาและให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล จะทำให้รักษาได้อย่างตรงจุด ร่างกายเกิดความสมดุล และไม่กลับมาเป็นอีก ปุณรดายาไทยก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพตามธาตุเจ้าเรือนด้วยค่ะ ทุกท่านที่รักษาด้วยสมุนไพรของเราจะได้รับคำปรึกษาด้านอาหารและพฤติกรรมจากทีมแพทย์ของเรา
สนใจปรึกษาปุณรดายาไทยได้นะคะ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 086-955-6366, 091-546-9415
ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร
"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"
แพทย์แผนไทย
" ความมั่งคั่งที่แท้จริง จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรามีสุขภาพกายและใจที่ดี สมดุล แข็งแรง "