คนไข้หลายท่านที่เข้ามา รักษาฝีคัณฑสูตร ฝีที่ก้นด้วยยาสมุนไพรของปุณรดา มีคำถามว่า ฝีชนิดนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร หมอจึงขออธิบายไว้ในบทความนี้นะคะ
ที่ทำให้ร่างกายติดเชื้อได้ง่าย เช่น นอนน้อย ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ กินอาหารไม่ครบ 5 หมู่ กินอาหารแปรรูป กินอาหารแช่แข็ง อาหารเหล่านี้สารอาหารแทบไม่เหลือแล้ว ทำให้ร่างกายไม่ได้รับสารอาหาร ทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำลง โดยสามารถสังเกตร่างกายตัวเองได้ง่ายจาก ป่วยบ่อย, ภูมิแพ้อากาศบ่อยครั้ง คัดจมูก น้ำมูกไหล คันตามตัวไม่ทราบสาเหตุ เป็นผื่นแดง เป็นต้น
ป้องกัน : พักผ่อนให้เพียงพอ และ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
พบบ่อยที่สุดในยุคนี้คือ อุจจาระเสร็จ ใช้แค่ทิชชู่แห้งเช็ด ไม่ฉีดล้างให้สะอาด เมื่อคุณใช้ห้องน้ำสาธารณะ จะเป็นในลักษณะนี้ โดยเฉพาะผู้ชายที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องความสะอาดนัก ที่อาจทำให้มีเศษอุจจาระเข้าไปอุดตันบริเวณต่อมเยื่อเมือกบริเวณรอบรูทวาร ทำให้อักเสบจนเกิดเป็นฝีคัณฑสูตร รวมไปถึงหลังเข้าห้องน้ำเสร็จธุระไม่เช็ดทำความสะอาดให้แห้ง ทำให้อับชื้นเกิดการสะสมของแบคทีเรีย ทำให้ติดเชื้อได้เช่นกัน
ป้องกัน : พกทิชชู่เปียก เลือกที่มีส่วนผสมจากน้ำ 99% ขึ้นไป ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือน้ำหอม เพื่อป้องกันการระคายเคือง และฉีดน้ำล้างทำความสะอาดทุกครั้ง หลังเข้าห้องน้ำทำธุระเช็ดทำความสะอาดให้แห้งทุกครั้ง
เช่น โรคเอดส์ (HIV), ซิฟิลิส, วัณโรค, หนองใน, หนองในเทียม,เริม เป็นต้น
ป้องกัน : รับประทานยาตามคำแนะนำแพทย์อย่างใกล้ชิด พร้อมเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงอยู่เสมอเพราะเวลาที่ภูมิคุ้มกันแข็งแรง อาการของโรคเหล่านี้มักจะสงบลง ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้อาการกำเริบ หรือทำให้อาการหายช้า เช่น การทานอาหารแสลง อาหารที่มีอาร์จีนีนสูงที่กระตุ้นการอักเสบ อาหารที่มีสารอาร์จีนีนสูง จากงานวิจัยพบกว่าสารอาร์จีนิน (Arginine) เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่มีส่วน ทำให้เชื้อเริมแบ่งตัว และลุกลามออกไปมากขึ้น โดยอาหารที่พบสารอาร์จีนีนในปริมาณมากในอาหารที่ให้โปรตีนสูง ควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ที่มีอัตราส่วนกรดอะมิโนไลซีนต่ำและอาร์จีนีนสูง ได้แก่
อาหารบางประเภทมีปริมาณกรดอะมิโนไลซีนต่ออาร์จีนีนที่สูง การทานอาหารเหล่านี้จะช่วยรักษาสมดุล arginine ไม่ให้มากเกินไป เพราะกรดอะมิโนไลซีนจะไปดูดซับ อาร์จีนีน ส่วนเกิน ได้ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเลนทิล โยเกิร์ต บีทรูท แอพริคอท แอปเปิ้ล เป็นต้น
อารมณ์เครียดหรือความวิตกกังวล พักผ่อนน้อย ทำงานหนัก ถูกแดดจัด ร่างกายอิดโรยหรือทรุดโทรม การได้รับบาดเจ็บหรือได้รับการกระทบกระเทือนเฉพาะที่ เช่น การถูไถ เกิดรอยถลอกขีดข่วน การเสียดสีของผิวกับเสื้อผ้า การทำฟัน ถอนฟัน การผ่าตัดที่กระทบกระเทือนต่อเส้นประสาท เป็นต้น
ระบบน้ำเหลือง มีหน้าที่ ผลิตเม็ดเลือดขาว ที่ช่วยทำลาย กักกันเชื้อโรค หรือ สิ่งที่เป็นพิษไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย โดยมีต่อมน้ำเหลือง ที่จะผลิตน้ำเหลืองออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย เมื่อไหร่ที่น้ำเหลืองเราเสีย ด่านกักกันนี้ก็จะทำงานได้น้อยลง จนไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคได้ จึงทำให้เกิดการติดเชื้อ เกิดการอักเสบง่าย และบ่อยขึ้น
ระบบน้ำเหลืองเสีย มีสาเหตุมาจากโรคประจำตัวบางโรค ที่ส่งผลโดยตรงทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำลง เช่น โรคไต, โรคตับ, เบาหวาน, โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (SLE), โรคมะเร็ง เป็นต้น โรคเหล่านี้ล้วนทำให้ระบบการสร้างภูมิต้านทานในร่างกาย ที่ใช้ต่อสู้กับเชื้อโรคลดลง ทำให้ร่างกายติดเชื้อได้ง่าย รวมไปถึงพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลงในข้อที่ 1 ก็เป็นผลทำให้ระบบน้ำเหลืองเสียเช่นกัน จึงทำให้มีโอกาสเป็นฝีคัณฑสูตรได้ง่าย
ป้องกัน : รับประทานยาตามคำแนะนำแพทย์ และหมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ ทานอาหารมีประโยชน์ ปรุงสุก สดใหม่ พักผ่อนให้เพียงพอ เข้านอนก่อน 4 ทุ่ม เพื่อกระตุ้นการสร้างภูมิต้านทานในร่างกาย
เป็นเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้มีอุจจาระไปติดอยู่ในบริเวณต่อมเยื่อเมือกได้ง่ายจึงทำให้มีโอกาสติดเชื้อ จนเป็นฝีคัณฑสูตร และเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้มากขึ้น เนื่องจากเวลาขับถ่ายตอนท้องผูก/ท้องเสีย จะใช้แรงดันในการขับของเสียมากกว่าปกติจึงเป็นตัวกระตุ้นให้บริเวณ รูทวารมีการอักเสบที่มากขึ้น ทำให้มีอาการเจ็บ บวม ปวด
ป้องกัน : รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น มะละกอ กล้วย แอปเปิ้ล ส้ม แก้วมังกร ถั่วต้มสุก ธัญพืชปรุงสุก ผักใบเขียว ทานผัก ผลไม้ ทุกมื้ออาหารให้ได้ประมาณ 35-50% ต่อมื้อ เพื่อช่วยเพิ่มน้ำและกากใยในการขับถ่าย และ ดื่มน้ำให้เพียงพอ ทุกเช้าหลังตื่นนอนควรดื่มน้ำ 1 แก้ว และ พยายามจิบน้ำตลอดทั้งวัน เพื่อกระตุ้นให้ลำไส้ทำงาน โดยการเคลื่อนไหวร่างกาย ลุกเดินทุก 1 ชั่วโมง หากต้องนั่งทำงานทั้งวัน จะช่วยให้เลือดลมหมุนเวียนดี อุจจาระนิ่ม ถ่ายสะดวก ควรดื่มน้ำเปล่ามากกว่า 1.5 ลิตรต่อวัน หรือดื่มให้ได้ปริมาณ 5% ของน้ำหนักตัวโดยนับรวมน้ำซุปหรือน้ำแกง และ น้ำเปล่า
จากการขับรถยนต์ ขี่มอเตอร์ไซต์ ทางไกล ปั่นจักรยานทางไกล เป็นระยะเวลานาน ๆ จนทำให้เกิดการอับชื้นบริเวณก้น ทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียเป็นต้นเหตุทำให้ติดเชื้อกลายเป็นฝีคัณฑสูตร
ป้องกัน : ควรเปลี่ยนอิริยาบถทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง หากนั่งนานจนเริ่มรู้สึกชื้นบริเวณก้น ควรจอดพัก เช็ดทำความสะอาดก้นด้วยกระดาษทิชชู่เปียกแบบ น้ำบริสุทธิ์ 99% และเบาะรองนั่งเพื่อลดและกระจายความร้อนที่สะสมบริเวณทวารหนัก และ จุดซ่อนเร้น
จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมน “คอร์ติซอล” ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้จะไปกดภูมิคุ้มในร่างกายให้ลดต่ำลง จึงทำให้ร่างกายติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ป่วยง่าย ป่วยบ่อยขึ้นนั้นเองที่ทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบภายใน ซึ่งคนส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัวและเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
ป้องกัน : หาวิธีที่ทำให้ตัวเองผ่อนคลายความเครียดอยู่เสมอ เช่น ฟังเพลงเบา ๆ สบาย ๆ เขียนบันทึกประจำวัน สวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิ ปลูกต้นไม้ เป็นต้น หรือใช้สมุนไพรที่มีฤทธ์ช่วยให้ผ่อนคลาย เช่น ลาเวนเดอร์ ดอกมะนาว คาโมไมล์ เลมอนมาสูดดม หรือ วางไว้บริเวณโต๊ะทำงาน เพื่อให้กลิ่นช่วยคลายความกังวล รู้สึกสดชื่นขึ้นระหว่างวัน
หลังจากรู้สาเหตุการเกิดฝีคัณฑสูตรกันแล้ว อย่าลืมดูแลร่างกายกันนะคะ แต่หากเกิดผลั้งเผลอจนเป็นฝีคัณฑสูตรแล้ว หมอได้เผย เคล็ดลับ 3 ขั้นตอนรักษาฝีคัณฑสูตร ด้วยสมุนไพรโดยไม่ต้องผ่าตัด ที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริง และมีผู้คนหลายพันคนรักษามาแล้ว แนะนำให้ลองอ่านเพื่อเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพของคุณนะคะ
สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 086-955-6366, 091-546-9415
ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร
"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"
แพทย์แผนไทย
" ความมั่งคั่งที่แท้จริง จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรามีสุขภาพกายและใจที่ดี สมดุล แข็งแรง "