การรักษาด้วยศาสตร์แพทย์แผนไทยนั้นไม่ใช่รักษาชั่วครั้งชั่วคราว ที่พอหยุดทานยาก็กลับมาเป็นอีก ศาสตร์แพทย์แผนไทยเป็นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม จึงต้องมีทั้งส่วนของสมุนไพรที่ใช้รักษาอาการ ปรับธาตุให้คืนสู่สมดุล และส่วนของการปรับพฤติกรรม เพื่อคงความสมดุลนั้นไว้
ความไม่สมดุลของธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ อันเป็นสาเหตุของความเจ็บป่วยนั้น ส่วนหนึ่งเกิดมาจากพฤติกรรมของเราเอง ซึ่งในคัมภีร์แพทย์แผนไทยได้ระบุพฤติกรรมที่ก่อโรค 8 ประการ ดังนี้ค่ะ
กระบวนการย่อยอาหารในร่างกายของเราใช้ธาตุไฟในการย่อย ซึ่งธาตุไฟจะถูกปล่อยและไหลเวียนทั่วร่างกายในปริมาณที่พอเหมาะพอดี หากทานอาหารมากกว่าที่ธาตุไฟจะเผาผลาญได้ จะทำให้มีสารอาหารส่วนเกิน เช่น ไขมัน และยังทำให้อวัยวะธาตุดิน เช่น ตับ กระเพาะ ทำงานหนัก แต่หากทานอาหารน้อยไป ธาตุไฟส่วนเกินก็จะเผาผลาญอวัยวะ เช่น น้ำย่อยกัดกระเพาะค่ะ ดังนั้น ควรทานอาหารให้พอดีในแต่ละมื้อนะคะ
การฝืนอิริยาบถอย่างเช่น การนั่งทั้งวัน หรือการยืนทั้งวัน หรือการนอนมากเกินไปก็ทำให้เจ็บป่วยได้ค่ะ อิริยาบทของเราในทุกวันควรมีความสมดุล หากต้องนั่งทำงานทั้งวัน ควรลุกเดิน หรือลุกมายืดเส้นยืดสายสัก 2-3 นาทีในทุกๆชั่วโมงค่ะ สำหรับผู้ที่ต้องเดินทั้งวัน ก็ควรนั่งพักทุกชั่วโมงเช่นกันค่ะ
การฝึกโยคะในตอนเช้าหรือก่อนนอนเพียงวันละ 10 นาที ช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บได้มากกว่าที่คิดนะคะ การฝึกโยคะจะช่วยยืดและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ รวมทั้งบีบนวดอวัยวะภายในอีกด้วย โดยเฉพาะในผู้ที่ทำงานแบบฝืนอิริยาบทนานๆ ควรฝึกโยคะง่ายๆอย่างน้อยวันละ 20 นาทีก็ยังดีค่ะ
แน่นอนว่าอากาศมีผลอย่างมาก เพราะถึงแม้ว่าเราจะดูแลสุขภาพดีแค่ไหนก็ตาม แต่หากอยู่ในที่ที่อากาศแปรปรวนก็จะทำให้เจ็บป่วยได้ เช่น ทำงานในที่แอร์เย็นจัด และเดินเข้าออกห้องทำงาน เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน ก็จะเป็นไข้ได้ค่ะ
นอกจากนี้ อากาศไม่สะอาดก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดโรค ตัวอย่างเช่น ในช่วงที่มีการเพิ่มขึ้นของฝุ่น pm 2.5 นั้น ขนาดผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำก็ยังมีอากาศเจ็บป่วย อากาศไม่สะอาดไม่เพียงแค่อันตรายต่อระบบทางเดินหายใจเท่านั้น แต่อันตรายต่อระบบเลือดและสมองด้วย เพราะตะกอนจากฝุ่นสามารถซึมเข้าระบบเลือดและกระจายไปยังอวัยวะต่างๆได้ค่ะ ผู้ที่ทำงานในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝุ่น เช่น การก่อสร้าง หรือทำงานท่ามกลางสารเคมี ควรใส่หน้ากากกรองสารพิษ และเลือกทานอาหารและสมุนไพรมีช่วยฟอกเลือด ขับสารพิษด้วยค่ะ
พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้ธาตุทั้ง 4 ในร่างกายเสียสมดุลค่ะ อย่างเช่นธาตุไฟที่ปกติทำหน้าที่เผาผลาญอาหารนั้น เมื่อเราอดอาหารแล้วธาตุไฟก็จะไปเผาผลาญกระเพาะ เกิดเป็นโรคกระเพาะ การอดอาหารหรือทานอาหารไม่เพียงพอยังทำให้ร่างกายขาดวิตามินอีกด้วย ส่งผลให้อวัยวะต่างทำงานผิดปกติ สมองเบลอ มือเท้าชา ซึ่งเป็นอาการของธาตุลมหย่อน
ถ้าเรานอนไม่เพียงพอ อวัยวะในร่างกายจะไม่มีเวลาซ่อมแซมและฟื้นฟูได้ ทำให้อวัยวะเสื่อมเร็วและทำงานได้ไม่ปกติ
ส่วนการดื่มน้ำนั้นเป็นพื้นฐานของสุขภาพดีเลยค่ะ เพราะน้ำเป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ในร่างกาย หากขาดน้ำแล้วสมดุลของร่างกายจะเสียทันที
การกลั้นอุจจาระและปัสสาวะเป็นการขัดขวางกระบวนการกำจัดสารพิษในร่างกาย เมื่อร่างกายกำจัดสารพิษไม่ได้ ก็จะดูดสารพิษเหล่านั้นกลับเข้ามาในระบบ ทำให้ระบบต่างๆในร่างกายรวน นอกจากนั้น ยังเป็นการกระตุ้นความร้อนในร่างกายร่วมด้วย ทำให้ลมอั้น ของเสีย/ความร้อนสะสมในร่างกายนานขึ้น สังเกตได้จากเวลาที่เรากลั้นปัสสาวะนาน ๆ พอเข้าห้องน้ำแล้วปัสสาวะ จะทำให้เวลาลมเคลื่อนได้ไม่ปกติ เบา และช้า รวมถึงปัสสาวะจะมีความร้อนสูง สีปัสสาวะจะเหลืองมากขึ้น(ยิ่งมีสีเข้ม แสดงว่ายิ่งมีความร้อนค่ะ)
โรคยอดนิยมเช่นริดสีดวงทวาร และกระเพาะปัสสาวะอักเสบก็เกิดจากการกลั้นอุจจาระและปัสสาวะ หากพฤติกรรมแบบนี้ถูกทำบ่อยๆ ร่างกายก็จะเริ่มแย่ลงเรื่อยๆค่ะ ทั้งธาตุน้ำและธาตุดินกำเริบ เป็นต้นเหตุของการเจ็บป่วยต่างๆ
การทำงานหนักส่งผลถึงธาตุไฟและธาตุลมเป็นหลัก สังเกตง่ายๆคือหากทำงานหนัก ใช้ความคิดมาก ใบหน้าจะเริ่มร้อน หรือปวดหัว ตาลาย หน้ามืด หรือเมื่อจ้องจอคอมนานๆเป็นการรับพลังงานความร้อนเข้ามาในร่างกาย ร่างกายร้อนขึ้น ตาก็จะรู้สึกร้อนผ่าวๆ ปวดตาตามมา
การทำงานหนักเกินไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกายหรือสมองก็ส่งผลต่อสุขภาพค่ะ หากใช้ร่างกายทำงานหนักก็จะมีอาการบาดเจ็บทางกล้ามเนื้อ หรือกล้ามเนื้อฝ่อได้ถ้าไม่มีเวลาพักผ่อนให้กล้ามเนื้อฟื้นฟู
การใช้สมองทำงานหนัก ไม่หยุดคิดแม้เวลาเลิกงาน จะส่งผลต่อความดันโลหิต รวมทั้งระบบน้ำเหลือง ระบบย่อยอาหารด้วย บางคนทำงานอาทิตย์ละเจ็ดวันแต่ต้องนำเงินที่ได้จากการทำงานมารักษาตัว ดังนั้นควรใช้ชีวิตให้สมดุล พักผ่อนในวันหยุด ปิดสวิตช์ร่างกายและสมองทุกครั้งที่เข้านอน จะได้ไม่เจ็บป่วยกันนะคะ
สุขภาพจิตนำสุขภาพกายนะคะ ความโศกเศร้าเสียใจกระทบธาตุทั้ง 4 โดยตรง อย่างเช่นบางคนเครียดลงกระเพาะ มีอาการปวดท้องเพราะธาตุไฟกำเริบเมื่อจิตใจโศกเศร้า นอกจากนี้อาการโศกเศร้ายังกระทบธาตุลมในร่างกายอีกด้วย เมื่อธาตุผิดปกติก็จะมีอาการต่างๆเช่น เบื่ออาหาร อารมณ์ขุ่นมัว หากปล่อยไว้นานๆก็จะเกิดความเจ็บป่วยทางร่างกาย ปวดหัว ไมเกรน ปวดท้อง เป็นต้น
ความโกรธ ความโมโห ทำให้ธาตุไฟและธาตุลมกำเริบ ไฟเผาผลาญอวัยวะในร่างกาย และความดันที่เพิ่มขึ้นทำร้ายเส้นเลือดต่างๆอีกด้วย ผู้ที่โมโหเป็นประจำจะมีผิวพรรณที่หม่นหมอง แห้งกร้าน มีอาการปวดหัวอยู่บ่อยๆ
เมื่อมีอาการโกรธ จะหายใจติดขัดเพราะร่างกายส่งสัญญาณให้ระงับความโกรธนั้น วิธีการระงับความโกรธที่ง่ายที่สุดคือการนำตัวเองออกจากสภาวะแวดล้อม ณ ขณะนั้นและหายใจเข้าออกลึกๆช้าๆ เพื่อลดความดันและความร้อนในร่างกาย
แพทย์แผนไทยเป็นศาสตร์ที่ประกอบด้วยการดูแลสุขภาพแบบรอบด้าน ไม่ใช่เพียงแค่จ่ายยาสมุนไพรเท่านั้น ปุณรดายาไทยอยากเห็นทุกคนมีสุขภาพที่ดี เราจึงให้คำปรึกษาส่วนบุคคลเพื่อออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับธาตุเจ้าเรือนและอาการเจ็บป่วยของคุณโดยเฉพาะ ผู้ที่รักษากับเราจึงได้ทั้งหายจากการเจ็บป่วย และสุขภาพที่ดีขึ้น ใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่
สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 02-1147027
ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร
"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"
แพทย์แผนไทย
" ความมั่งคั่งที่แท้จริง จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรามีสุขภาพกายและใจที่ดี สมดุล แข็งแรง "