มีเพื่อนๆผู้ที่สนใจในศาสตร์สมุนไพรมาถามหมอหลายคนว่า ซื้อสมุนไพรทานเองได้หรือไม่? สมุนไพรแคปซูลมีขายมากมาย ในตลาดก็มี ราคาไม่แพง สมุนไพรยอดฮิตอย่างขมิ้น กระชาย กวาวเครือ ว่านชักมดลูก ซื้อแบบบรรจุแคปซูลทานได้หรือไม่คะ
สมุนไพรแคปซูลแบ่งขายเพิ่งจะมีในสมัยเรานี่แหละค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้เครื่องอบแห้งและบดยาหาซื้อได้ทั่วไป ใครๆก็ทำสมุนไพรขายได้ ประกอบกับข้อมูลในอินเทอร์เน็ตมีมากมาย พอศึกษาสรรพคุณแล้วก็ซื้อทานเองเลย
ในอดีต การทานสมุนไพรเป็นยานั้นมี 3 แบบค่ะ ได้แก่ การใช้เครื่องยาผสมกับอาหารให้อาหารเป็นยา การปรุงเป็นยาตำรับสามัญประจำบ้าน และการปรุงเป็นยาตำรับขั้นสูง การทานสมุนไพรเดี่ยวๆนั้นไม่มีปรากฎมาก่อน สมุนไพรอย่างเดียวนั้นไม่ใช่ยา เป็นแต่เพียงเครื่องยาเท่านั้น
ตำรับยาไทยปรุงขึ้นจากพืช สัตว์ แร่ธาตุ ซึ่งเป็นวัตถุที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่ได้สกัดเอาแต่ส่วนที่ออกฤทธิ์ ดังนั้น ยาไทยจึงกำหนดให้ใช้ตัวยาที่มีปริมาณมาก และตัวยาหลายสิ่งรวมกัน อาจจะต้องรับประทานถึงวันละ 20-30 กรัมเลยทีเดียว
หลักการปรุงยาสมุนไพรที่ถูกต้องจะต้องประกอบด้วยสี่องค์ประกอบ ดังนี้
- ตัวยาตรง คือ ยาที่มีสรรพคุณบำบัดโรคและไข้นั้นๆโดยเฉพาะ มักจะมีรสแรง ขมมาก เปรี้ยวมาก เค็มมาก ไม่สามารถรับประทานได้โดยตรง และโรคแทรกที่เกิดจากยาก็มี เพราะรสแรงจึงอาจจะกระทบธาตุทั้ง 4 ในร่างกาย แพทย์แผนไทยจึงได้หาตัวยาช่วยและตัวยาประกอบอีกแรงหนึ่งจะได้รักษาโรคและควบคุมฤทธิ์ยา
- ตัวยาช่วย คือ เมื่อมีโรคแทรก หรือโรคหลายโรครวมกัน แพทย์ก็ใช้ตัวยาช่วยในการรักษา เช่น ริดสีดวงทวารมีหลายโรครวมกัน ทั้งภาวะอักเสบ ท้องผูก ตัวร้อน เลือดข้น ก็จะต้องมีตัวยาช่วยหลายตัวยา
- ตัวยาคุมหรือยาประกอบ คือตัวยาที่ช่วยเสริมสรรพคุณให้ออกฤทธิ์ได้ดียิ่งขึ้น หรือควบคุมฤทธิ์ของตัวยาตรง เพื่อป้องกันโรคตามที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการปรับธาตุ
- ตัวยาชูกลิ่น ชูรส และแต่งสีของยา คือตัวยาตัวยาชูกลิ่นและรสให้น่ารับประทาน เมื่อยามีกลิ่นแรงหรือรสแรงเกินไป มักใช้ในตำรับยาลูกกลอน ยาต้ม เช่น น้ำผึ้ง น้ำหวานดอกมะพร้าว
ดังนั้นสมุนไพรเดี่ยวๆ เช่น ผงขมิ้น ผงกวาวเครือ ผงกระชายดำที่ขายอยู่ตามตลาดนั้น เป็นเพียงเครื่องยาเท่านั้น สรรพคุณของสมุนไพรเมื่อทานเดี่ยวๆก็จะออกฤทธิ์ไม่ได้เต็มที่ และอาจจะไปกระทบธาตุในร่างกาย เมื่อทานติดต่อกันเป็นเวลานาน กว่าอาการที่รักษาจะหายสนิท อาการผิดปกติของธาตุอื่นในร่างกายก็มารออยู่แล้ว หรืออาจจะแทรกขึ้นมาได้ทันที
ตามหลักแล้ว แพทย์แผนไทยจะต้องวิเคราะห์อาการ ธาตุหย่อน ธาตุกำเริบก่อนจ่ายยา การรักษาจึงจะปลอดภัย และได้ผลเต็มที่
หมอขอยกตัวอย่างเครื่องยาชนิดหนึ่งที่นิยมใช้รักษาโรคริดสีดวงทวาร คือเพชรสังฆาต สามารถใช้ได้สามแบบคือ
- ทานเครื่องยาเป็นอาหาร โดยการนำเถาแห้ง 1 กำมือ แช่น้ำมะขามเปียกก่อนนำมาต้มกับน้ำ 1 ลิตร ดื่มครั้งละ 1 แก้วกาแฟ เช้า เย็น หรือหั่นเถาสดเป็นชิ้นเล็กๆ ยัดใส่ในกล้วยน้ำว้าสุก กลืนทั้งคำ
- ตำรับยาสามัญประจำบ้าน (แบบที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ) จะประกอบด้วย เถาเพชรสังฆาต 7 ส่วน รากอัคคทีวาร 2 ส่วน โกฐน้ำเต้าหนัก 1 ส่วน
- ยาตำรับคุณภาพสูง D-Clear ของปุณรดายาไทย ประกอบด้วยเครื่องยากว่า 50 ชนิด อาทิ เถาเพชรสังฆาต โกฐกักกรา อัคคีทวาร เปลือกต้นกุ่มบก รากเจตพังคี เปล้าน้อย เปล้าใหญ่ ขมิ้นอ้อย เปลือกต้นส้มกุ้งแดง หัวกระดาดแดง และเครื่องยาสำคัญอื่นๆ
สรุปว่า ถ้าถามหมอว่าซื้อยาสมุนไพรเองทานได้ไหม ได้ค่ะ แต่ถ้าจะทานเองโดยไม่มีแพทย์แนะนำ ควรทานเป็นยาตำรับที่ผ่านการรับรองว่าปลอดภัย และทานในปริมาณที่แนะนำเท่านั้น แต่ถ้าจะให้ดี ให้หายขาดจากโรคแน่ๆ ควรทานสมุนไพรในความดูแลของแพทย์แผนไทยค่ะ เพราะถึงแม้ว่าตำรับยาเดียวกัน ปริมาณการทานของแต่ละคนก็ต่างกัน ขึ้นอยู่กับอาการและธาตุ ร่างกายของเรามีร่างกายเดียว เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเราดีกว่าค่ะ
ปุณรดายาไทยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรและการปรับธาตุ การปรุงยาและจ่ายยาของเรานั้นออกแบบให้เฉพาะบุคคล และการรักษาของเรามาพร้อมกับคำแนะนำในการปรับพฤติกรรมเพื่อดูแลสุขภาพให้ตรงกับธาตุเจ้าเรือนของท่าน เราให้คำแนะนำและคำปรึกษากับทุกท่านที่รักษาด้วยโปรแกรมสมุนไพรของปุณรดายาไทยโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับปุณรดายาไทยได้นะคะ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 086-955-6366, 091-546-9415
ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร
"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"
แพทย์แผนไทย
" ความมั่งคั่งที่แท้จริง จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรามีสุขภาพกายและใจที่ดี สมดุล แข็งแรง "