รักษาเริมด้วยตัวเอง หายขาดได้จริง! สมุนไพรสูตรลับแบบฉบับแพทย์แผนไทย

เหนื่อยไหม? กับเริมที่เป็นซ้ำไม่จบ!

ลองรักษาเริมด้วยตัวเอง ด้วยสมุนไพรที่ หายจริงมามากกว่า 1,000 คน

ในปัจจุบัน โรคเริม เป็นโรคหนึ่งที่มีระดับอาการความรุนแรงสูง ไม่ว่าจะเป็นรอยโรค อาการ รวมทั้งอาการแทรกซ้อนต่างๆ แต่หากเราเข้าใจถึงสาเหตุ และรู้ถึง วิธีการดูแล รักษา โรคเริมก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย โดยในบทความนี้ทางร้านจะมาแบ่งปัน "การรักษาโรคเริมให้หายขาดด้วย ยาสมุนไพรรักษาเริม " แบบฉบับปุณรดาให้อ่านกันนะคะ

>> อยากรักษาเริมให้หายขาดด้วยสมุนไพร คลิก !!! <<

รักษาเริมด้วยยาสมุนไพร 1

เริมคืออะไร?

เริม (Herpes simplex) เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส มีลักษณะรอยโรคเป็นตุ่มใสๆ สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย ซึ่งสาเหตุ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเริม หรือ เชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ซิมเพลกซ์ (Herpes Simplex Virus) ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่

Herpes Simplex Virus Type I: HSV-I ก่อให้เกิดอาการตามผิวหนังทั่วไป และช่องปากเป็นส่วนใหญ่ หรือบริเวณเหนือสะดือขึ้นไป
Herpes Simplex Virus Type II: HSV-II ก่อให้เกิดอาการบริเวณอวัยวะเพศ และทวารหนัก

โดยการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้มี 2 ช่วง คือ การติดเชื้อครั้งแรก ซึ่งอาจจะรุนแรงกว่า เมื่อหายแล้ว เชื้อจะกลับไปซ่อนในปมประสาทในร่างกาย และ การเป็นซ้ำ จากการที่เชื้อถูกกระตุ้นออกมาจากปมประสาท ทั้งนี้จึงทำให้คนที่เป็นเริมจึงโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีกครั้ง

ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคเริม

การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
ภาวะความเครียด วิตกกังวล
ช่วงที่สุขภาพร่างกายอ่อนแอ มีภูมิต้านทานต่ำ
เป็นประจำเดือน
การมีเพศสัมพันธ์ทางปาก
มีพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนหลายคู่
นักกีฬามวยปล้ำ รักบี้ มวย ที่เกิดจากภาวะความอับชื้น เหงื่อสะสมจึงมีผลต่อการแพร่กระจายเชื้อ
การติดเชื้อจากครรภ์มารดาขณะที่ตั้งครรภ์

รักษาเริมด้วยยาสมุนไพร 5

อาการของโรคเริม

เมื่อไวรัสเข้าสู่ร่างกายประมาณ 1-2 สัปดาห์ ในการฟักตัวอยู่ในร่างกาย โดยแบ่งอาการเป็นระยะดังนี้

เริมระยะที่ 1: มีอาการแสบ คันยิบๆ คล้ายถูกเข็มแทง 1-2 วัน จากนั้นผื่นขึ้น บริเวณรอบๆ ผื่นมีสีแดง
เริมระยะที่ 2: เกิดตุ่มน้ำใสขนาดเล็กๆ แล้วค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น และมีอาการปวดแสบ ปวดร้อน
เริมระยะที่ 3: ตุ่มใสยุบลงรวมตัวเป็นแผลแฉะๆ มีน้ำเหลืองเยิ้ม เป็นระยะแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ง่าย
เริมระยะที่ 4: ผื่นเริ่มแห้ง และเริ่มตกสะเก็ด เป็นระยะที่ผู้ป่วยชอบแกะ ซึ่งทำให้มีอาการปวด และเลือดออกตามมา

รักษาเริมด้วยยาสมุนไพร 2

ในรายที่ติดเชื้อซ้ำพบว่าแผลจะตกสะเก็ดค่อนข้างรวดเร็วภายใน 4 วัน และแผลมักจะแห้งหมดภายใน 10 วัน การติดเชื้อซ้ำอาจเกิดได้ประมาณ 1-4 ครั้งต่อปี ในรายที่ผู้ป่วยเป็น โรคเอดส์พบว่าจะมีอาการของโรคเริม ซึ่งเป็นบ่อยและมีอาการรุนแรง ดังนั้น ในรายที่สงสัยแพทย์อาจจะทำการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวีร่วมด้วย

การดูแลตัวเองเมื่อเป็นเริม

ไม่ควรเกาจนตุ่มใสแตกออก หรือแกะสะเก็ดจนหลุด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ และป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน และแผลเป็น
หมั่นรักษาความสะอาดบริเวณที่เป็นแผล หรือผื่น
ห้ามใช้ครีมสเตอรอยด์ เพราะอาจส่งผลให้แผลลุกลามหายยาก หรือติดเชื้อแทรกซ้อน
ล้างมือบ่อยๆ หากเป็นเริมที่ปาก ให้ดื่มน้ำสะอาด และ บ้วนปากด้วยน้ำเกลือบ่อยๆ
รักษาสุขภาพให้แข็งแรง มีสุขอนามัยที่ดี เพราะโรคนี้มักกำเริบเมื่อร่างกายอ่อนแอ เช่น อดนอน ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาก เป็นหวัด (การติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ) แม้ไม่เคยเป็นโรคเริมมาก่อนก็ควรรักษาสุขภาพ เพราะการติดเชื้อเริมในครั้งแรกอาจไม่มีอาการ แต่เชื้อจะเข้าไปอยู่ในร่างกายอย่างสงบและก่อโรคในภายหลังเมื่อสุขภาพไม่แข็งแรง
เลือกสวมชั้นในชนิดผ้าฝ้าย ละเว้นการสวมเครื่องนุ่งห่มหรือกางเกงที่คับหรือยีนส์ สตรีควรงดสวมกางเกงชนิดทำจากไนล่อนหรือลินิน และไม่ควรทาครีมบำรุงผิว บริเวณที่เป็นแผลในช่วงที่อาการกำเริบ

วิธีป้องกันโรคเริม

หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้อื่น เช่น จูบ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
หลีกเลี่ยงความร้อนจากการตากแดด หรือตากลมหนาวเย็นเป็นเวลานาน
หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว เครื่องโกนหนวด ใบมีดโกน
งดเพศสัมพันธ์ หรือสัมผัสโดยตรงกับแผลจนกระทั่งแผลหายดีแล้ว
พยายามละเว้นการแตะต้องกับบริเวณแผล เพราะอาจจะแพร่ไปสู่บริเวณร่างกายได้

รักษาเริมด้วยยาสมุนไพร

** สตรีที่เป็นเริมที่อวัยวะเพศมีโอกาสเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ เพื่อการตรวจ PAP SMEAR 1-2 ครั้งทุกเดือน

ยาสมุนไพรรักษาโรคเริม H-SET

สมุนไพรที่ใช้รักษาเริม ควรเป็นสมุนไพรในกลุ่มที่รักษาโรคผิวหนัง และบำรุงระบบน้ำเหลือง ที่ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันเชื้อโรคในร่างกาย สมุนไพรเหล่านั้น ซึ่งได้แก่

ทองพันชั่ง มีสรรพคุณ รักษาโรคผิวหนัง แก้น้ำเหลืองเสีย แก้กลากเกลื้อน ผื่นคัน ขับพยาธิตามผิวหนัง ตามบาดแผล
เหงือกปลาหมอ มีสรรพคุณ แก้ไข้ ลมพิษฝี รักษาฝี แก้แผลอักเสบ แก้โรคน้ำเหลืองเสีย รักษาโรคผิวหนังจำพวกพุพอง น้ำเหลืองเสีย แผลเรื้อรัง และผื่นคันตามร่างกาย

โรคบางโรคอาจดูไม่รุนแรง หากแต่เราปล่อยปละละเลยความรุนแรงของอาการก็อาจจะเพิ่มทวีขึ้นได้ เพียงแค่เรารู้จักหันมาใส่ใจสุขภาพ และทำให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ ต่อให้โรคร้ายแรงแค่ไหนก็ไม่น่ากลัว

ด้วยสาเหตุนี้ ปุณรดา จึงได้คิดค้นสูตรยาสมุนไพรที่ใช้รักษาโรคเริมโดยเฉพาะเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยโรคเริมสามารถหายขาดได้ โดยในสมุนไพรชุดนี้ประกอบด้วย

1. ยาสมุนไพร B-Treat:

สรรพคุณ

รักษาโรคผิวหนัง แก้ผื่นคัน
ขับพยาธิตามผิวหนัง
ช่วยให้ระบบน้ำเหลืองไหลเวียนดีขึ้น ลดการสะสมของสิ่งสกปรก ที่เป็นสาเหตุให้เกิดอาการอักเสบ และหนอง โดยสมุนไพรเข้าไปช่วยฆ่าเชื้อหนอง
สมานแผลให้แห้งและปิดสนิท
ลดอาการบวม ปวด เจ็บ แสบร้อน บริเวณรอยโรคเริม

ยาแก้น้ำเหลืองเสีย

ตัวยาสำคัญ: เหงือกปลาหมอ, ข้าวเย็นเหนือ, ข้าวเย็นใต้, คงคาเดือด, หัวร้อยรู, ฝีหมอบ, มะกา, เนื้อในฝักราชพฤกษ์, ทองพันชั่ง และตัวยาสำคัญอื่นๆ

วิธีการรับประทาน: รับประทาน ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน และเย็น ครั้งละ 3 แคปซูล

ขนาดบรรจุ: 1 กระปุก บรรจุ 90 แคปซูล

2. B-Cool:

สรรพคุณ

แก้ไข้ตัวร้อน แก้ร้อนใน กระหายน้ำ
ปวดศีรษะ มึนศีรษะ แก้หวัด คัดจมูก
บำรุงหัวใจ บำรุงตับ
เสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายให้สมบูรณ์ เวลาที่ภูมิต้านทานแข็งแรง เริมจะไม่กำเริบ
ลดโอกาสการเกิดโรคเริม

ยารักษาเริม

ตัวยาสำคัญ: รากเหมือดคน, รากมะปราง, รากมะนาว, เปราะหอม, โกศหัวบัว, จันทน์เทศ, จันทน์แดง, ฝางเสน, เกสรบัวหลวง, ดอกบุนนาค, ดอกสารภี, ดอกมะลิ และตัวยาสำคัญอื่นๆ

วิธีการรับประทาน: รับประทาน ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน และเย็น ครั้งละ 2 แคปซูล

* เด็กอายุ 6-12 ปี รับประทานครั้งละ 1-2 แคปซูล

* ผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 2-4 แคปซูล

ขนาดบรรจุ: 1 กระปุก บรรจุ 60 แคปซูล