ริดสีดวงทวารขณะตั้งครรภ์และหลังคลอด รักษาอย่างไรให้หายขาด
สวัสดีค่ะ วันนี้หมอป๊อปจะมาแชร์ประสบการเกี่ยวกับริดสีดวงทวารขณะตั้งครรภ์และหลังคลอดนะคะ
ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าคนท้องกับริดสีดวงทวารจะเรียกว่าเป็นของคู่กันก็ไม่ผิดนัก เพราะคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์มากกว่า 80% ต้องเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ แต่อาจมีความหนักเบาของอาการแตกต่างกันค่ะ
ริดสีดวงทวาร คือ ภาวะที่เส้นเลือดบวมอักเสบภายในลำไส้ตรงส่วนล่าง หรือโดยรอบทวารหนัก ภาวะริดสีดวงทวารไม่เป็นอันตรายใดๆ กับการตั้งครรภ์ และไม่มีผลกับทารกในครรภ์ แต่จะทำให้เกิดอาการไม่สบายตัว และ รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้ค่ะ
ซึ่งสาเหตุหลักๆ 4 ข้อ ที่ทำให้เป็นริดสีดวงทวารขณะตั้งครรภ์มีดังนี้ค่ะ
1. มดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นจากการตั้งครรภ์ จะไปกดหลอดเลือดดำในช่องท้องทำให้หลอดเลือดดำที่อยู่ปลายทาง เช่น บริเวณเท้า ขา และก้น มีการไหลเวียนกลับเข้าสู่หัวใจยากขึ้น จึงทำให้เกิดการคั่งของเลือดในบริเวณเหล่านั้นขึ้นได้ การคั่งของเลือดที่กระจุกเลือดที่บริเวณก้นจะเห็นเป็นริดสีดวงทวารขึ้นมา ส่วนบริเวณอื่นๆ เช่น เท้า ขา จะเกิดการบวมมากกว่าปกติได้
2. เมื่อตั้งครรภ์ร่างกายจะมีการสร้างฮอร์โมนขึ้นมาหลายชนิด ซึ่งฮอร์โมนต่างๆ นี้ส่วนมากจะทำให้หลอดเลือดดำมีการขยายตัวมากขึ้น เป็นผลให้ไปเพิ่มการคั่งของเลือดมากขึ้นโดยที่ก้นหรือทวารจะเห็นเป็นริดสีดวงทวาร
3. อาการท้องผูกที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ก็มีส่วนทำให้เกิดอาการริดสีดวงทวารขึ้นได้ นั่นเพราะเวลาที่คุณแม่ท้องผูกแล้วต้องเบ่งเวลาถ่ายอุจจาระ การใช้แรงเบ่งมากขึ้น ทำให้หลอดเลือดดำที่ทวารโป่งพองมากขึ้น เห็นเป็นริดสีดวงทวาร
4. การอยู่ในอิริยาบถเดิมนานๆ เช่น การนั่ง หรือยืนนานๆ ก็เป็นผลให้เกิดอาการริดสีดวงทวารขึ้นได้เช่นกัน เพราะเลือดจะไปรวมอยู่ตรงส่วนที่ต่ำของร่างกายที่เกิดจากแรงโน้มถ่วง จึงทำให้เลือดไปคั่งที่เท้าทำให้เกิดอาการเท้าบวม หรือเส้นเลือดขอดขึ้นได้ ส่วนตรงบริเวณทวารหนักก็ทำให้เกิดอาการริดสีดวงทวารขึ้นมาได้
จากสาเหตุที่กล่าวมา สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้เลยจะเป็นเรื่องของมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้น และ ฮอร์โมนในขณะตั้งครรภ์ ที่จะส่งผลให้เป็นริดสีดวงได้ ส่วนอาการท้องผูก การอยู่ในอิริยาบถเดิมนานๆ เราสามารถที่จะแก้ไข หลีกเลี่ยง ป้องกันได้ค่ะ
ถึงตอนนี้ คุณแม่หลายๆท่านอาจเริ่มสงสัยแล้วใช่ไหมคะ ว่าแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า เป็นริดสีดวงทวารหรือความเสี่ยงเป็นหรือเปล่า วันนี้หมอมีเช็คลิสต์ 5 ข้อมาให้คุณแม่ลองสำรวจอาการของตนเองค่ะ
1. คุณแม่อาจรู้สึกเจ็บ หรือ คันภายในทวารหนัก หรือขอบทวารหนัก
2. คุณแม่อาจรู้สึกถึงอาการบวมรอบทวารหนัก หรือ คลำพบติ่งเนื้อที่ขอบทวารหนัก
3. คุณแม่อาจมีเลือดออกเล็กน้อย รู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัวบริเวณทวารหนักเวลาเข้าห้องน้ำ
4. คุณแม่อาจมีอาการเจ็บ ปวด เวลาอุจจาระ และอาจมีมูกเลือดไหลตามออกมาภายหลัง
5. คุณแม่อาจรู้สึกว่ายังมีอุจจาระค้างอยู่ในลำไส้ อุจจาระแข็ง ขับถ่ายยาก รู้สึกถ่ายไม่สุด และต้องการเข้าห้องน้ำอีก
เป็นอย่างไรบ้างคะ คุณแม่มีอาการต่างๆใน 5 ข้อนี้หรือเปล่าคะ ในส่วนของตัวหมอเอง ตอนตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 1-2 ไม่มีอาการใดๆเลยค่ะ แอบคิดว่าตัวเองจะรอดพ้นแล้วนะคะ เพราะพยายามดูแลสุขภาพอย่างดีเลยค่ะ แต่ก็มีอาการริดสีดวงในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนคลอดหรือในไตรมาสที่ 3 ซึ่งอาการเป็นไม่มาก คล้ายกับข้อ 4. 5. ตามที่กล่าวไว้ด้านบน คือ จะเจ็บทวารตอนขับถ่าย อุจจาระแข็ง และถ่ายไม่สุด แต่ไม่มีติ่งริดสีดวงยื่นออกมาภายนอก ริดสีดวงออกมาเฉพาะตอนถ่ายแล้วหดกลับเองค่ะ
หากตอนนี้คุณแม่ยังไม่มีอาการริดสีดวง หรือ เริ่มมีอาการ หมอแนะนำดูแลสุขภาพตามนี้ เพื่อลดความรุนแรงของอาการ หรือ ป้องกันให้ได้มากที่สุดก่อนค่ะ
1. ไม่ควรกลั้นอุจจาระ เพราะการกลั้นอุจจาระเวลาที่ปวดอยากถ่ายแต่ไม่ได้ถ่ายจะส่งผลให้เกิดอาการท้องผูก เวลาถ่ายที่ต้องเบ่งแรงยิ่งทำให้ไปกระตุ้นการเกิดริดสีดวงทวาร
2. เปลี่ยนอิริยาบถทุกๆชั่วโมง และ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น โยคะ ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยทำให้ลำไส้ได้เคลื่อนไหวส่งผลให้ระบบการขับถ่ายดีตามไปด้วย
3. รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผักใบเขียวต่างๆ และผลไม้ จำพวก มะละกอสุก ส้ม สับปะรด แอปเปิ้ล แก้วมังกร เป็นต้น
4. ดื่มน้ำมาก ๆ ให้ได้ 2-3 ลิตรต่อวัน หรือ 5% ของน้ำหนักตัว
5. งดการดื่ม ชา กาแฟ ละน้ำอัดลมต่างๆ รวมทั้งเครื่องที่มีแอลกอฮอล์ด้วย เพราะคาเฟอีน รวมถึงแอลกอฮอล์ทำให้อุจจาระแข็ง ส่งผลเสียต่อสุขภาพของทารกในครรภ์ค่ะ
ในส่วนของคุณแม่ที่มีอาการริดสีดวงทวารแล้วไม่ต้องกังวลนะคะ นอกจากการดูแลสุขภาพ หมอมีวิธีการรักษาริดสีดวงทวารมาแนะนำเพิ่มเติมค่ะ
1. ประคบเย็นตรงบริเวณก้อนริดสีดวง สามารถประคบด้วยแผ่นผ้า หรือแผ่นเจลประคบ ความเย็น จะช่วยทำให้หลอดเลือดมีการหดรัดตัว ทำให้ขนาดของริดสีดวงเล็กลงได้
2. แช่ก้นในน้ำอุ่น ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดความเจ็บปวดตรงบริเวณทวารหนักได้ดี และช่วยให้การไหลเวียนเลือดสะดวกมากขึ้น
3. ใช้สมุนไพรภายนอกชุด Feel Free set รักษาอาการริดสีดวงทวาร
ในส่วนของการรักษาด้วยชุดยาสมุนไพร Feel free set จะประกอบไปด้วยยาใช้ภายนอก 2 อย่าง คือ ยาผงทาภายนอก B-SkinI และ ผงสมุนไพรสำหรับแช่ก้น So Fin
ยาทาภายนอก B-Liz2 oil จะต้องนำมาผสมน้ำต้มสุกจนเป็นเนื้อครีม ทาทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วจึงล้างออก ตอนทายาจะมีความรู้สึกคันยิบๆเล็กน้อยที่ติ่งริดสีดวงจากการออกฤทธิ์ของยาในการหดรัด และ สมานหัวริดสีดวง ส่วนผงสมุนไพรแช่ก้น So Fin ตอนนำผงสมุนไพรไปละลายน้ำและนั่งแช่ ยาจะส่งกลิ่นหอมอ่อนๆออกมา ช่วยให้ผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งหอมและคลายปวดเลยค่ะ
ตัวหมอเอง ไม่ได้เริ่มรักษาในช่วงตั้งครรภ์ แต่รักษาในช่วงหลังคลอด เพราะมีอาการหลังคลอดค่อนข้างมาก จากการที่เราคลอดธรรมชาติ เบ่งคลอดเป็นระยะเวลานานกว่าการคลอดจะเสร็จสิ้น ผลกระทบจากการเบ่งคลอด หลังคลอดริดสีดวงจึงออกมาภายนอกทั้งหมด ปวดบวมมากๆ มากกว่าแผลฝีเย็บอีกค่ะ รู้สึกเจ็บปวดในทุกๆอิริยาบถ หมอจึงคิดว่า ถ้าหากรักษาให้เรียบร้อยก่อนคลอดจะเป็นผลดีมากกว่า แต่การรักษาหลังคลอดก็สามารถทำได้ ดีกว่าไม่ได้รักษาเลยค่ะ
สำหรับผลการรักษา ในสัปดาห์แรกของการใช้ยาสมุนไพร หมอสังเกตได้ว่า อาการปวด บวม ที่ริดสีดวงและขอบทวารหายไป ส่วนติ่งเนื้อเล็กๆที่ขอบทวาร ยุบหายหลังใช้ยาประมาณ 3 สัปดาห์ค่ะ (ผลการรักษาขึ้นอยู่กับอาการหนักเบาของแต่ละบุคคล)
จากผลการรักษาที่ดีเกินคาด หมอเชื่อว่ายาสมุนไพรจะช่วยคุณแม่อีกหลายๆท่านที่มีอาการริดสีดวงทวารแบบเดียวกับหมอ หรือคล้ายๆกัน จะสามารถหายจากอาการเหล่านี้ได้แน่นอนค่ะ นอกจากการใช้สมุนไพรเป็นตัวช่วยแล้ว การดูแลสุขภาพอื่นๆ หรือปรับพฤติกรรมอื่นๆ ก็จะช่วยส่งเสริมให้อาการหายสนิทไวขึ้น ไม่กลับมาเป็นซ้ำ รักษาก่อน หายก่อนแน่นอนค่ะ
สุดท้ายนี้ หมอขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่ทุกๆท่านหายจากอาการริดสีดวงโดยไว จะได้มีพลังดูแลลูกน้อยอย่างเต็มที่นะคะ
ปุณรดายาไทยเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถปรึกษาปุณรดายาไทยได้นะคะ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 02-1147027
ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร
"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"
แพทย์แผนไทย
" ความมั่งคั่งที่แท้จริง จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรามีสุขภาพกายและใจที่ดี สมดุล แข็งแรง "