ใบหน้าเบี้ยว กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงครึ่งซีก ยักคิ้วไม่ได้ หลับตาไม่สนิท มุมปากตก หากพูดถึงอาการเหล่านี้หลายคนคงรู้จักกันในชื่อ “โรคอัมพาตใบหน้า” หรือ “Bell’s palsy” แต่เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวของศิลปินหนุ่มชื่อดังอย่างจัสติน บีเบอร์ ที่ออกมาเปิดเผยว่าเขามีอาการอัมพาตใบหน้าที่เรียกว่า “Ramsay Hunt Syndrome”
หลายคนอาจสงสัยว่าสองกลุ่มโรคนี้มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร และสามารถรักษาได้หรือเปล่า วันนี้หมอจะบอกถึงความเหมือนและความแตกต่างของสองโรคนี้กันค่ะ
ก่อนอื่นหมอขออธิบายสาเหตุการเกิดโรคของทั้งสองโรคนี้ก่อนนะคะ
Bell's palsy เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 มีหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า ซึ่งสามารถพบได้ทุกเพศ ทุกเชื้อชาติ และพบได้บ่อยในหญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่ครอบครัวมีประวัติเป็นอัมพาตใบหน้า ผู้ที่เคยประสบอุบัติเหตุกระทบกระเทือนทางสมอง และผู้มีความเครียดสูง ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน แต่ทางการแพทย์แผนปัจจุบันเชื่อว่าเกิดจากเชื้อไวรัสเป็นตัวการสำคัญ โดยเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อย คือ เชื้อเริม (Herpes simplex virus), งูสวัด (Herpes zoster), Cytomegalovirus และ Ebstein-Barr virus โรคนี้เป็นโรคที่ไม่รุนแรง แต่มักมีความผิดปกติที่ใบหน้าเพียงซีกใดซีกหนึ่ง และเกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน
ส่วน Ramsay Hunt Syndrome เป็นโรคอัมพาตใบหน้าที่เกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 เช่นกัน แต่มีชื่อเรียกเฉพาะเจาะจงสำหรับการติดเชื้อไวรัสที่มีสาเหตุเกิดจากงูสวัด (Herpes zoster) พบได้ไม่บ่อยแต่มักพบในผู้สูงอายุ ผู้ที่มีประวัติเคยเป็นอีสุกอีใสหรืองูสวัด และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ได้รับยากดภูมิ ผู้ป่วยHIV ผู้ที่มีความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ
ทั้งสองโรคนี้มีอาการที่เหมือนกัน คือ Bell's palsy จะมีอาการกล้ามเนื้อใบหน้าชาและอ่อนแรงครึ่งซีก ยักคิ้วไม่ได้ หนังตาและมุมปากตก ปิดตาไม่สนิท ในบางรายอาจมีเสียงดังในหู ปวดหลังใบหู และสูญเสียการรับรู้รสชาติ ส่วนของ Ramsay Hunt Syndrome จะมีอาการสำคัญคือ ปวดมากบริเวณหลังหู โคนลิ้น การได้ยินผิดปกติ เวียนศีรษะ บ้านหมุน
การรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันสำหรับ Bell's palsy จะรักษายาด้วยสเตียรอยด์ เพื่อลดการอักเสบของเส้นประสาทสมอง ส่วน Ramsay Hunt Syndrome จะรักษาด้วยยาต้านไวรัส เพื่อรักษาและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของอาการโรค
ในมุมมองทางการแพทย์แผนไทยโรคอัมพาตใบหน้าทั้ง Bell's palsy และ Ramsay Hunt Syndrome เป็นโรคที่มีความผิดปกติของธาตุลมภายในร่างกายที่เคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก เกิดการติดขัด ทำให้มีเลือดลมเคลื่อนไหวผิดปกติ จึงมีอาการชาใบหน้า กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง มีเสียงดังในหู เวียนศีรษะ บ้านหมุน และมีอาการปวดใบหน้าและตามร่างกายร่วมด้วย ดังนั้นการรักษาหลักคือต้องกระจายลมด้วยยาสมุนไพรที่มีรสสุขุมร้อนอย่างยาหอมอินทจักร์ มากระตุ้นการไหลเวียนของเลือดลมภายในร่างกาย รักษาอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน ร่วมกับยาสมุนไพร B-comfort เพื่อกระจายลมที่คั่งอั้นตามกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น เส้นประสาท รักษาอาการปวด ตึง กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นทั่วร่างกาย
• เนื่องจากอัมพาตใบหน้าทำให้กล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตาไม่สามารถขยับได้จึงส่งผลให้มีลมหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ดวงตาได้ง่าย ดังนั้นผู้ป่วยอัมพาตใบหน้าควรดูแลดวงตาเป็นพิเศษโดยใช้ยาหยอดตา เพื่อป้องกันตาแห้ง และสวมแว่นตา เมื่อต้องออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและลมเข้าตา
• ทำท่าบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าเป็นประจำ
• ประคบอุ่น เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวด โดยใช้ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นประคบที่ใบหน้า บ่า คอ และหลังใบหู
• เลี่ยงทานอาหารที่มีรสเย็น เช่น น้ำแข็ง ไอศครีม ฟัก แฟง แตงโม เพราะทำให้ลมในร่างกายไหลเวียนได้ไม่สะดวก
อัมพาตใบหน้าเป็นอีกโรคหนึ่งที่สร้างความกังวลใจให้กับผู้มีอาการ หากเริ่มมีอาการไม่ควรปล่อยไว้เพราะอาจรักษาได้ยาก หรือการฟื้นฟูกลับมาไม่เป็นปกติ ทางปุณรดายาไทยมีทีมแพทย์แผนไทยผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำในการรักษาด้วยยาสมุนไพรที่มีคุณภาพ หากมีความกังวลเกี่ยวกับโรคอัมพาตใบหน้าหรือต้องการปรึกษา สามารถติดต่อหมอโดยตรงได้ที่ Line ID : @Poonrada ได้เลยนะคะ หมอยินดีให้คำปรึกษาค่ะ
ปุณรดายาไทยเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถปรึกษาปุณรดายาไทยได้นะคะ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 02-1147027
ทีมแพทย์แผนไทยปุณรดา
ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร
"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"
แพทย์แผนไทย
" ความมั่งคั่งที่แท้จริง จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรามีสุขภาพกายและใจที่ดี สมดุล แข็งแรง "
ท่านจะได้รับทราบโปรโมชั่นพิเศษก่อนใครทาง LINE@ พร้อมบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์แบบส่วนตัวฟรี ทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.
