จากบทความที่แล้ว ที่เราพูดถึงอาการสะเก็ดเงิน สาเหตุทีทำให้เป็น และใครบ้างที่เสี่ยงเป็นโรคสะเก็ดเงิน ตามสัญญาที่เคยบอกไว้ ว่าบทความนี้จะมาบอกเล่าประสบการณ์การรักษาสะเก็ดเงิน แบบที่ไม่ต้องพึ่งพายาเคมี สารสเตียรอยด์ ใครที่กำลังหาวิธีการรักษาด้วยธรรมชาติ บอกเลยว่าบทความนี้มีคำตอบให้ครบถ้วนแน่นอนค่ะ
เพราะเป็นการรักษาที่หมอจะถ่ายทอดจากประสบการณ์การรักษาคนไข้สะเก็ดเงินโดยตรง ที่หมอเคยรักษามาทั้งคนไข้และคนในครอบครัวที่เป็น บอกได้เลยว่าเล่าหมดไม่มีกั๊กแน่นอนค่ะ
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจโรคสะเก็ดเงิน สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ เพื่อที่จะได้เชื่อมไปหาวิธีการรักษาที่ถูกต้องกันนะคะ โดยหมอขอยกคำอธิบายของ อ.พญ.ดร.จงกลนี วงศ์ปิยะบวร - MD.CU ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มีการพูดถึงโรคสะเก็ดเงินว่าเป็นโรคทางระบบภูมิคุ้มกันชนิดหนึ่งมาฝากท่านผู้อ่านกันนะคะ (อ้างอิง:http://www.cai.md.chula.ac.th/lesson/lesson4806/html/p08.html)
โรคสะเก็ดเงิน คือ ในอดีตเชื่อว่าโรคสะเก็ดเงินเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติในขบวนการควบคุมการเพิ่มจำนวนของเซลล์ผิวหนัง (abnormal keratinocyte proliferation) โดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับว่าโรคสะเก็ดเงินเป็นโรคทางระบบภูมิคุ้มกันชนิด T-cell-mediated autoimmune disease โดยมีหลักฐานที่แสดงว่ากลไกการเกิดโรคเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันหลายอย่าง ได้แก่
1) การพบเม็ดเลือดขาวชนิด T cell และ macrophage ในชั้นหนังแท้ก่อนผู้ป่วยจะเริ่มเกิดผื่น
2) รายงานการหายจากโรคสะเก็ดเงินของผู้ป่วยหลังได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูก และการเกิดโรคของผู้ป่วยหลังได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูกจากผู้ป่วยที่เป็นโรค
3) การพบว่าการใช้ยาหรือสารกดภูมิคุ้มกัน(immunosuppressive agents) ทำให้โรคดีขึ้น และการใช้ monoclonal antibody เช่น antiCD3 และ antiCD4 monoclonal antibody, DAB389IL-2 ซึ่งเป็น modified interleukin-2-based lymphocyte-selective toxin หรือการรักษาด้วยTh2 cytokine เช่น IL-4, IL-10สามารถทำให้โรคดีขึ้น
4) การพบการเปลี่ยนแปลงระดับของ cytokines และการแสดงออกของ activated molecule บน T cell รวมถึงการแสดงออกของ adhesion molecule บน keratinocyte ในผื่นของผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน
5) การลดอุบัติการณ์เกิดโรคทางผิวหนังที่เกี่ยวข้องกับ Th2-cell เช่น atopic dermatitis ร่วมกับโรคสะเก็ดเงิน
กลไกการเกิดโรคสะเก็ดเงิน จากการศึกษาระดับเซลล์ พบว่า Th1 cell (T-Cellในชั้นหนังแท้) ที่ถูกกระตุ้นและเพิ่มจำนวนขึ้นจะหลั่ง type1 cytokine (Cytokine มาจากคำว่า ‘Cyto’ ซึ่งแปลว่า เซลล์ และ ‘Kino’ ซึ่งแปลว่า การเคลื่อนไหว ไซโตไคน์ ก็คือ สารกลุ่มโปรตีนที่เซลล์สร้างขึ้นเพื่อส่งสัญญาณต่อไปให้เซลล์อื่นๆ เกิดความเคลื่อนไหวและทำหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการสื่อสารระหว่างเซลล์นี้ มักถูกใช้ในกระบวนการภูมิคุ้มกันของร่างกาย เช่น เมื่อมีการบาดเจ็บหรือติดเชื้อ เม็ดเลือดขาวชนิดต่างๆ ในร่างกาย ก็จะส่งสัญญาณไซโตไคน์นี้ไปยังเซลล์เม็ดเลือดขาวและเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันอื่นๆ) ในกระบวนการที่เกิดขึ้นส่งผลให้เซลล์เม็ดเลือดขาว T cell เพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดการอักเสบและการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือดบริเวณผิวหนังที่เกิดโรค
และนี่คือข้อมูลการเกิดโรคสะเก็ดเงินล่าสุด ทำให้เราเห็นความชัดเจนมากขึ้นว่า โรคสะเก็ดเงิน มีความสัมพันธ์โดยตรงต่อระบบภูมิคุ้มกัน หรือระบบน้ำเหลือง ที่แพทย์แผนไทย หรือ หมอโบราณเราบอกว่าอาการทางผิวหนังต่างๆเกิดจาก “น้ำเหลืองเสีย” เชื่อว่าหลายคนก็เคยได้ยิน ได้เห็นคนที่ขาลาย มีแผลเป็นเยอะ บอกว่า น้ำเหลือง ไม่ดี น้ำเหลืองเสีย อันนี้แหละค่ะ เรื่องเดียวกันเลยเพียงแต่ความรุนแรงจะมาก หรือ น้อย ก็ขึ้นอยู่กับบุคคล ความรุนแรง ความถี่ของการรับปัจจัยที่กระตุ้น เพราะสิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ร่างกายภายในของเราเกิดการอักเสบ หากปล่อยไว้ให้เรื้อรังก็ทำให้เกิดโรคที่รักษาได้ยากตามมา ซึ่งนั่นก็หมายถึง โรคสะเก็ดเงินนะคะ
ถ้าจะอธิบายการเกิดโรคสะเก็ดเงิน ด้วย ภาษาง่ายๆ เข้าใจไม่ยาก หมอขอยกคำอธิบายของ หมอมีน ผู้นำทีมแพทย์แผนไทยของปุณรดายาไทย มาฝากกันค่ะ
สะเก็ดเงิน เกิดจากเลือดและน้ำเหลืองที่ผิดปกติ พอมีปัจจัยอื่นๆ มากระทบ กระตุ้น เช่น อาหารแสลง ความเครียด อากาศ หรือยาบางชนิด จะส่งผลกระทบต่อระบบธาตุในร่างกาย โดยเริ่มต้นจะกระทบธาตุไฟ หรือ ความร้อนในร่างกายก่อน จากการที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ ที่กระทำมาเป็นเวลานาน เช่น ความเครียด พักผ่อนน้อย สภาพอากาศ การทานอาหารแสลง ดื่มแอลกอฮอล์ และการใช้ยาบางชนิดเป็นประจำ จะมีผลให้ธาตุไฟกำเริบ (ทำงานมากขึ้น) กระทบต่อธาตุน้ำ (เลือด น้ำเหลือง ของเหลวทั้งหมดในร่างกาย) จนทำให้การทำงานผิดปกติไป ส่งผลให้น้ำเหลืองเสีย แสดงอาการเป็นผื่นที่ผิวหนัง ผู้ป่วยจะมีรอยผุดขึ้นเป็นแว่น เป็นวง ตามผิวหนัง เล็กบ้างใหญ่บ้าง มีสีขาว มีขอบนูนเล็กน้อย เมื่อสัมผัสที่ผื่นนั้นก็จะรับรู้ได้ถึงความร้อน กำเริบมากก็จะเห่อบวมแดงมาก นอกจากนี้ การที่ธาตุไฟ เพิ่มขึ้น จะส่งผลกระตุ้นให้ วาตะ หรือ ธาตุลม (ลมที่ทำให้เลือดเกิดการไหลเวียน ลมหายใจ ลมที่พัดทั่วตัว) กำเริบได้เช่นกัน จึงส่งผลแสดงออกมาเป็นอาการคันที่ผื่นได้
และทั้งหมดที่หมอทั้งเกริ่น และนำเสนอข้อมูลที่อ้างอิงจากทั้งทางการแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทยของเรา ก็เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพรวมว่า ไม่ว่าจะศาสตร์ไหน ก็บอกจุดเดียวกันคือ สะเก็ดเงิน เกิดจากการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันหรือระบบน้ำเหลืองที่ทำงานมากเกินไป ทำงานตลอดไม่ได้พักจนทำให้เกิดอาการอักเสบภายใน เกิดเป็นของเสียสะสมขับออกไม่ได้ อั้นค้างตามข้อต่อ ตามต่อมน้ำเหลืองต่างๆ นานวันเข้าก็แสดงผลออกสู่ผิวภายนอก ซึ่งถ้าเราอยากจะรักษาสะเก็ดเงินให้หาย เราก็ต้องทำให้ระบบภูมิคุ้มกัน หรือ ระบบน้ำเหลืองของเรากลับมาทำงานเป็นปกติ หรือที่หมอของปุณรดายาไทย มักจะเรียกว่า ระบบภายในจะกลับมาทำงานสมดุล เพราะจะไม่มีอะไรทำงานมากไป-น้อยไป ทุกอย่างจะทำงานแบบพอดิบพอดี และต่อจากนี้จะคือขั้นตอน การคืนสมดุล ให้ระบบน้ำเหลือง ของเรากันนะคะ
ขั้นที่1 : ปรับอาหาร ให้เป็น ยา
เคยได้ยินประโยคที่ว่า You’re what you eat ไหมคะ เราเป็นในสิ่งที่เรากิน นี่คือประโยคที่สั้นแต่ได้ใจความ เรากินอะไรเข้าไป ผลจากสิ่งที่กินก็จะแสดงออกมา เพราะร่างกายไม่เคยโกหกเรา อาหารไม่ได้ทำให้คนเจ็บป่วย แต่การทานอาหารที่ไม่เหมาะกับร่างกาย หรือ โรคที่เป็นต่างหากที่ทำให้เราเจ็บป่วย แพทย์แผนไทยจึงมีคำว่า
“อาหารแสลง” เพราะการรักษาของหมอแผนไทย เราใส่ใจทุกรายละเอียด ถ้าอาหารไม่มีผลจริง แล้วทำไมเราต้องกินอาหารให้ครบทุกหมู่ ต้องทานอาหารให้มีประโยชน์ เพราะอาหารช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ฟื้นฟูอาการเจ็บป่วยให้ดีขึ้น ทั้งหมดก็เริ่มต้นที่อาหาร เราจึงขอชวนทุกคนมา “งดอาหารแสลง” ที่มีผลกับสะเก็ดเงินกันค่ะ
อาหารแสลง คือ อาหารที่ไม่เหมาะกับโรคที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบัน ทานแล้วจะกระตุ้นให้อาการกำเริบขึ้น หรือ หายช้าลง โดยเราจะงดในช่วงที่เราทำการรักษาจนกว่าอาการจะหายสนิท และหลังจากนั้น ถ้าไม่ทานได้จะดีที่สุด หรือ ถ้าอยากทานจริงๆ ก็ควรทานแต่น้อย เพราะอาหารแสลงส่วนใหญ่ ฤทธิ์ของอาหารเองมักเป็นฤทธิ์ร้อน กินแต่น้อยจะดีที่สุดค่ะ
1. เนื้อสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์เนื้อแดง เช่น เนื้อวัว เนื้อควาย เป็ด ห่าน เนื้อแกะ เนื้อแพะ เนื้อนกทุกชนิด เพราะ สัตว์เนื้อแดงมี สาร TMAO เป็นตัวการสำคัญที่เร่งให้กักเก็บไขมันเลวมากขึ้น และสะสมไว้ไม่ถูกทำลายโดย macrophage (เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง) เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ก่อให้เกิดการจับหนาตัวขึ้นภายในผนังหลอดเลือดแดง เกิดเป็นภาวะหลอดเลือดแข็งตัวที่เป็นต้นเหตุของโรคหัวใจ ทำให้การไหลเวียนเลือดไม่ดีก็ส่งผลไปถึงระบบน้ำเหลืองด้วย
เนื้อไก่ เพราะ มีปริมาณฮอร์โมนที่สูง กระตุ้นให้เกิดอาการข้ออักเสบได้ง่าย ซึ่งสะเก็ดเงินมีความสัมพันธ์กับข้ออักเสบด้วย แต่เนื้อไก่เองก็ไม่ได้ห้ามทานซะทีเดียว แต่ควรเลือกแหล่งที่ซื้อที่ไม่มีการฉีดฮอร์โมน ไก่ปลอดสาร ไก่ออร์แกนิก ไก่บ้านที่เลี้ยงตามธรรมชาติ
ปลาน้ำจืด เช่น ปลาไหล ปลาดุก ปลานิล ปลาคัง ปลาเนื้ออ่อน ปลาชะโด ปลาบึก ปลาแดงน้ำจืด เครื่องในทุกชนิด ปลาดิบทุกชนิด เนื้อสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เช่น เนื้อจระเข้ เนื้องูทุกชนิด
ไข่ไก่ ไข่เป็ด ไข่นกกระทา ไข่นกกระจอกเทศ ไข่ข้าว เนื่องจากไข่มีปริมาณคอเลสเตอรอลที่สูงและไข่บางชนิดมีความคาวมาก
การทานอาหารเหล่านี้ทำให้ ร่างกายต้องใช้เวลานานในการย่อย ทำให้กระเพาะอาหาร ลำไส้ ตับ ต้องทำงานอย่างหนักกว่าจะย่อยเนื้อเสร็จ เมื่ออวัยวะภายในทำงานหนัก ก็จะส่งผลให้ร่างกายมีความร้อนสูงขึ้น กระตุ้นการอักเสบในร่างกาย เกิดความร้อนที่สะสม และทำให้ร่างกายเราโทรมลง การฟื้นฟู-ซ่อมแซมก็ทำงานช้าลง
2. อาหารทะเล ได้แก่ หอยและหมึกทุกชนิด กุ้ง กั้ง แมงดา แมงกะพรุน ปูดองทุกชนิด ไข่หอยเม่น ปลาอินทรีย์เค็ม เนื่องจาก อาหารทะเลมีคอเลสเตอรอลสูง มีงานวิจัยออกมาว่าคอเลสเตอรอลสูงจะทำให้การอักเสบในร่างกายเป็นเรื้อรัง เพิ่มการอักเสบ ทำให้อาการคันเพิ่มขึ้น ผื่นแดงขึ้น
3. อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน โบโลน่า และผลิตภัณฑ์เนื้อแปรรูปอื่นๆ เนื่องจากอาหารประเภทนี้จะมีใยอาหารน้อย ทั้งยังมีโซเดียมสูง กระตุ้นการอักเสบได้
4. อาหารทอดต่างๆ อาหารจำพวกทอดต่างๆ นั้นนอกจากจะมีไขมันและคอเลสเตอรอลสูงแล้ว ยังยากต่อการย่อยอาหารอีกด้วย เมื่อทานแล้วจะทำให้มีอาการคัน ผื่น สะเก็ดหายช้า
5. อาหารรสจัด เค็มจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด หวานจัด จะกระตุ้นการอักเสบในร่างกาย ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง
6. อาหารหมักดอง ที่มีเกลือ และ น้ำตาลสูง รวมถึงหน่อไม้(ทั้งสดและดอง) เพราะจะกระตุ้นการอักเสบ ทำให้ผื่น สะเก็ดหายช้า
7. ผัก เช่น หน่อไม้ กุยฉ่าย สะตอ กระถิน กระเฉด ชะอม มะระ กะหล่ำปลีดิบ แครอทดิบ บีทรูท เพราะผักเหล่านี้มีสารบางชนิด ที่ทำให้ผื่น สะเก็ดอักเสบหายช้า
8. เห็ดทุกชนิด เนื่องจากเห็ดกระตุ้นการทำงานของระบบน้ำเหลือง ทำให้ระบบน้ำเหลืองทำงานหนัก ผู้ที่มีปัญหาระบบน้ำเหลือง น้ำเหลืองเสีย ตุ่ม ผื่น ควรหลีกเลี่ยงก่อนค่ะ
9. ผลไม้ฤทธิ์ร้อน เช่น ทุเรียน เงาะ มะม่วงสุก ลำไย ลิ้นจี่ สับปะรด ลองกอง มะไฟ มะยม มะปราง สละ ขนุน ละมุด ตะลิงปลิง มะดัน มะขาม มะขามเปียก น้อยหน่า อ้อย จาวสด เนื้อมะพร้าว เสาวรส เนื่องจากผลไม้เหล่านี้ให้พลังงานสูง มีน้ำตาลสูง รสจัด จึงกระตุ้นความร้อนและการอักเสบในร่างกายได้
10. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากมีฤทธิ์ร้อน ทำให้ร่างกายมีความร้อนสะสมมากขึ้น จนกระตุ้นการอักเสบต่างๆในร่างกาย รวมถึงเมื่อเมา จะทำให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำลงค่ะ
ขั้นที่2 : ขับของเสีย เพื่อปรับระบบน้ำเหลืองใหม่
ขั้นตอนนี้แพทย์แผนไทยเราจะใช้สมุนไพรไทย มาปรุงเป็น ยาตำรับรักษาน้ำเหลืองเสีย
หลักการคือ การขับฟอกน้ำเหลืองที่เสียให้ออกจากร่างกาย โดยของเสียเหล่านี้ก็จะขับออกตามช่องทางธรรมชาติ นั่นก็คือ อุจจาระ ปัสสาวะ เหงื่อ จึงไม่มีอันตราย ไม่มีสารตกค้างในตับ และ ไต โดยตำรับยาหลักที่เราใช้ในการรักษาผู้ที่เป็นสะเก็ดเงิน คือ B-Treat ตำรับรักษาน้ำเหลืองเสีย ส่วนประกอบหลัก คือ ต้นพลูคาว หัวข้าวเย็นเหนือ หัวข้าวเย็นใต้ หัวร้อยรู เนื้อไม้ขันทองพยาบาท ต้นเหงือกปลาหมอ เครื่องยาเหล่านี้คือ สมุนไพรที่มีรสเมาเบื่อ สรรพคุณ เพื่อแก้น้ำเหลืองเสีย แก้พิษโลหิต รักษาโรคผิวหนัง รักษาอาการผื่นคัน เมื่อระบบน้ำเหลืองดี จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานเป็นปกติ
ยังมีการตำรับยาสมุนไพรที่มีรสสุขุมร้อน และ รสหอมเย็น เพื่อบำรุงเลือด กระจายลม ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น เช่น ตำรับยาหอมอินทจักร์ หรือ B-Cool ตำรับยาประสะจันทน์แดง ซึ่งตำรับยาเหล่านี้เมื่อทำงานคู่กับ B-Treat ตำรับรักษาน้ำเหลืองเสีย จะเสริมฤทธิ์ลดการอักเสบ ลดอาการคัน อาการแดง บำรุงระบบเลือดให้เลือดดี การสูบฉีดไปเลี้ยงทั่วร่างกายดี ก็ทำให้น้ำเหลืองใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นไม่อั้นค้างตามข้อและต่อมน้ำเหลืองอีกต่อไป
โดยชุดยาที่เราใช้ในการรักษาสะเก็ดเงิน คือ ชุดรักษาสะเก็ดเงิน P-Set และ P-Set+ ที่มีส่วนประกอบคือ ตำรับยารับประทาน B-Treat ที่มีรสเมาเบื่อเป็นยาหลักในการรักษา สรรพคุณ ของยารสเมาเบื่อในศาสตร์การแพทย์แผนไทย มีสรรพคุณในการรักษาโรคทางน้ำเหลืองและโรคผิวหนังโดยตรง ตัวยาจะไปช่วย รักษา และ ซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังที่ทำงานผิดปกติ ปรับสมดุลระบบเลือด น้ำเหลือง ซึ่งเป็นระบบภูมิคุ้มกันหลักภายในร่างกายใหม่ กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรง และการผลัดเซลล์ผิวเป็นไปตามระยะเวลาที่เหมาะสม ส่งผลให้ผื่นสะเก็ดเงินลดลง ปื้นสีแดงมีขนาดเล็กลง นอกจากนี้หมอจะจ่ายควบคู่กับการใช้ยาภายนอก
โดยยาภายนอกจะแบ่งออกเป็น 3 ชนิดคือ
1.ยาทาผื่นผิวหนัง B-Liz2 (หรือชื่อเดิมคือ B-Skin2)
ตัวยาหลักจะประกอบไปด้วย ผิวมะกรูด เปลือกต้นคงคงเดือด เหงือกปลาหมอ ดอกดีปลี เทียนดำ เทียนแดง และตัวยาอื่นๆ สรรพคุณ รักษาโรคผิวหนัง ลดอาการอักเสบ แดง สมานแผล ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ให้แข็งแรง
2. ออยล์อาบน้ำสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย Derpa Derma ใช้ได้ตั้งแต่เด็ก-ผู้สูงอายุ ใช้ในการทำความสะอาดผิวกายและสระผมได้ในตัวเดียว มีสรรพคุณ ทำความสะอาดผิวอย่างหมดจรด โดยรักษาความชุ่มชื้นไว้ ช่วยลดอาการคันเนื่องจากผิวแห้ง บำรุงผิวเพราะออยล์ทำจากน้ำมันธรรมชาติที่ช่วยในการบำรุงผิว เมื่อสัมผัสกับน้ำจะกลายเป็นน้ำนม จึงล้างออกง่าย ไม่รู้สึกเหมือนมีอะไรเคลือบผิว
3.ครีมสูตรอ่อนโยน Hycera ส่วนประกอบทั้งหมดมาจากธรรมชาติ ไม่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว ซึ่งความชุ่มชื้นที่ไม่เพียงพอเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดผื่นสะเก็ดเงิน กระตุ้นอาการคัน เมื่อเราเกาบริเวณแผลก็มีโอกาสที่จะลุกลามมากขึ้นได้
(แนบลิงค์ชุดยา)
ในการรักษาสะเก็ดเงิน เมื่อการทำงานของตัวยารับประทาน ยาทาภายนอก และการบำรุงผิวอย่างถูกวิธี ทำงานประสานกันจึงกลายเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เพราะการรักษาสะเก็ดเงิน ต้องรักษาทั้งระบบภายใน และ ภายนอกควบคู่กัน จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และ หลังจากที่อาการดีขึ้นจนใกล้หายสนิทแล้ว ต่อมา คือ การป้องกันการเกิดซ้ำ บำรุงระบบน้ำเหลืองให้แข็งแรง เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนการฟื้นฟูนี้เราจะใช้เป็นยารับประทานเป็น
สมุนไพรชุด Health Refreshment Set (B-Boost set)ช่วยในการฟื้นฟู บำรุงระบบน้ำเหลือง และ ป้องกันการเกิดซ้ำของสะเก็ดเงิน ในชุดประกอบด้วย
1.B-Boost ตำรับยาผสมพลูคาว ช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยในปกป้องร่างกายจากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ช่วยลดการอักเสบ ขับฟอกน้ำเหลืองที่เสียพร้อมบำรุง ตำรับ B-Boost นี้สามารถทานต่อเนื่องได้เพื่อบำรุงระบบภูมิคุ้ม โดยไม่อันตราย และตกค้างในตับและไต
2.Health Tonic ตำรับยาปรับสมดุลธาตุทั้ง 4 ในร่างกาย หลังการเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง ธาตุภายในร่างกายของเราก็มักจะแปรปรวน เสียสมดุล หรือเรียกง่ายๆว่าทำงานไม่ปกติ สมุนไพรปรับสมดุลจะช่วยในการฟื้นฟูการทำงานของธาตุ ไฟ ลม น้ำ ให้กลับมาเป็นปกติ ไม่ทำงานมากหรือน้อยเกินไป ส่งผลให้ธาตุดิน(ร่างกาย อวัยวะ 32 ประการ)ของเรากลับมาแข็งแรง มีกำลัง พอทุกอย่างทำงานอย่างสมดุล พอดี สุขภาพโดยรวมของเราก็จะดี ทำงานเป็นปกติ (แนบลิงค์ชุดยา)
ในการรักษาสะเก็ดเงินนี้เราไม่ได้ใช้ตำรับยาเดียวในการรักษาเพราะอาการ ความรุนแรง ความเรื้อรังของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน หมอก็จะประเมินอาการ ดูปัจจัยกระตุ้น พร้อมวางแผน จัดตำรับยารักษาสะเก็ดเงินแบบเฉพาะบุคคล จึงทำให้การรักษาของปุณรดายาไทยมีรายละเอียด เพราะเรารักษาสะเก็ดเงินด้วยความใส่ใจ อยากให้คนไข้ทุกคนอาการดีขึ้น หายเป็นปกติ ระบบภายในแข็งแรงและทีมแพทย์แผนไทยของเรายังมีการวางแผนวิธีดูแลสุขภาพ เมนูอาหารที่ควรทานสำหรับคนที่เป็นสะเก็ดเงิน พร้อมติดตามอาการจนกว่าจะหายสนิท หากใครสนใจอยากให้ทีมแพทย์แผนไทยของเราวางแผนการรักษาสะเก็ดเงินให้ สามารถติดต่อเข้ามาได้เลยนะคะ การรักษาของปุณรดายาไทย
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่เป็นสะเก็ดเริ่มต้น-เรื้อรัง เคยใช้ยาสเตียรอยด์มาแล้วแต่ปัจจุบันไม่ได้ผล หรือ พอหยุดยาแล้ว อาการกำเริบมากขึ้น คนทำงานที่ไม่สามารถหยุดทำงานเพื่อทำการรักษาได้
ข้อดี: ปลอดภัย ไร้สารเคมีตกค้าง ออกแบบการรักษาสะเก็ดเงินเฉพาะบุคคล พร้อมมีทีมแพทย์แผนไทยคอยให้คำปรึกษา แนะนำวิธีดูแลสุขภาพสำหรับอาการสะเก็ดเงินโดยเฉพาะ มีการติดตามอาการ สามารถสอบถาม-ปรึกษา ได้ฟรีตลอดการรักษา
ข้อเสีย: ผู้ป่วยต้องมีการปรับพฤติกรรม งดอาหารแสลงร่วมด้วย เวลาในขั้นตอนการ รักษา-ฟื้นฟู-บำรุงระบบน้ำเหลืองให้แข็งแรงรวมทุกขั้นตอนประมาน 6 เดือน-1ปี (กรณีที่เป็นเรื้อรังมานานเกิน 1 เดือน) ระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล การปรับตัว-ความร่วมมือระหว่างการรักษานะคะ
จากประสบการณ์ที่ได้ดูแล รักษาผู้ป่วยและคุณพ่อที่มีอาการสะเก็ดเงินเรื้อรังมามากกว่า 10ปี หมอคิดว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้เรามีระบบน้ำเหลืองที่ดีตลอดไปได้คือ การดูแลเรื่องของอาหาร ปรับลดหรือเลิกพฤติกรรมที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ตัวหมอและครอบครัวเองปัจจุบันเราก็หันมาทานมังสวิรัต/Vegan พบว่าหลังจากทานต่อเนื่องควบคู่กับการทานตำรับยาB-Treat เพื่อช่วยขับฟอกน้ำเหลืองที่เสียต่อเนื่อง และทานเพื่อบำรุงระบบภูมิคุ้มกัน ผลที่ได้คือ อาการสะเก็ดเงินของคุณพ่อดีขึ้น จนหายเป็นปกติ เมื่อก่อนพฤติกรรมของคุณพ่อก็เหมือนคนทำงานในอุตสาหกรรมทั่วไปเลยค่ะ อาชีพวิศวกรที่ตั้งแต่หนุ่มทำงานหนัก ทำงานกับเครื่องกล สารเคมี ตกเย็นสังสรรค์กับทีมงานชาวต่างชาติ พูดง่ายๆคือคุณพ่อดื่มเหล้าเป็นประจำ อาหารที่ชอบคือ เนื้อวัว เนื้อหมู อาหารรสจัด นอนดึก ทำงานใช้ความคิดตลอด มีความเครียด เวลาอาการสะเก็ดเงินกำเริบก็ใช้ยาสเตียรอยด์แต่ก็ไม่เคยหาย คุณพ่อใช้ครีมยาสเตียรอยด์มาเกือบ 20 ปี พฤติกรรมเหล่านี้สะสมมาเรื่อยๆตลอดระยะเวลา40ปีของการทำงานแต่หลังจากคุณพ่อตัดสินใจเกษียณ กลับมาอยู่บ้าน ปรับพฤติกรรมทั้งหมดใหม่ หยุดดื่มแอลกอฮอล์มาได้ 2 ปี หยุดทานเนื้อวัวที่ชอบและเนื้อสัตว์ทุกชนิด 3 เดือน อาการคัน สะเก็ดเงินที่นิ้วมือที่ขาอาการคันต่างๆลดลงจนหายไป หนังแข็งๆที่เคยเป็นเหมือนเนื้อตายกลับมานุ่มขึ้น จากที่คุณพ่อไม่กล้าใส่กางเกงขาสั้น ตอนนี้ก็กลับมาใส่ด้วยความมั่นใจ เพราะแผลใหม่ไม่มีแล้ว ต่อนี้ก็เป็นขั้นตอนการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น เรียบเนียน และดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง และ นอกจากปรับเรื่องของอาหารแล้ว หมอก็ใช้หลักการประคบเย็นด้วยแผ่นเจล ประคบตามจุดที่มีอาการร้อน-แดง-คัน เจลเย็นจะช่วยลดความร้อนที่เกิดจากการอักเสบภายใน สิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาโรคเรื้อรังโดยเฉพาะโรคสะเก็ดเงินให้หาย คือ การปรับพฤติกรรมในการดูแลสุขภาพใหม่ เพราะพฤติกรรมแบบเดิมก็ให้ผลลัพธ์แบบเดิมนะคะ น้ำเหลืองก็จะกลับมาเสียถ้าเราไม่ปรับ หรือ แก้ไขอะไร สิ่งที่เราต้องทำคือ ทำในสิ่งที่สวนกลับความเคยชินเดิมๆ น้ำเหลืองเสียคือสัญญาณ หรือ ไฟฉุกเฉิน ที่กำลังเตือนภัยในร่างกายให้เรารู้ว่าขณะนี้ร่างกายมีความเสียหายในระบบภายในต้องการการฟื้นฟู และ เยียวยาแล้ว ปกติระบบภายในร่างกายเราจะรักษา ฟื้นฟู เยียวยาตัวเองเลยทำให้เราไม่เคยเห็นอาการที่แสดงออกมา จนกว่าร่างกายจะไม่ไหวแล้วถึงแสดงออกมาเป็นความเจ็บป่วยต่างๆค่ะ
ขั้นที่3 : สุขภาพที่ดี มาจาก เหตุ(การกระทำ พฤติกรรม)ที่ดี
ในทุกเรื่องของชีวิต ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องสุขภาพ การที่เราอยากจะให้ชีวิตมีเรื่องดีๆ สิ่งดีๆก็ต้องอาศัย ทัศนคติที่ดี ที่มาพร้อมกับความตั้งใจ ความมุ่งมั่น มีวินัย และความอดทน สิ่งเหล่านี้คือหัวใจของความสำเร็จในทุกๆเรื่องของชีวิต การจะหายจากโรคสะเก็ดเงินอย่างถาวร เราก็ต้องมีวินัย มุ่งมั่น อดทนอย่างมีความสุข รู้ว่าทำอะไรไปเพื่ออะไร เพราะเราไม่ได้ทำตามคำสั่งใคร เราทำเพื่อตัวเราเอง เพื่อสุขภาพที่ดีและความแข็งแรง ไม่มีใครบังคับเราได้ มีแต่ตัวเราเองเท่านั้นที่จะสร้างสิ่งที่ต้องการได้ การจะสร้างสุขภาพที่ดีก็มีหลักสำคัญ อยู่ 3 อย่าง ที่หมออยากฝากไว้
3.1 งด : อาหารแสลง แอลกอฮอล์ บุหรี่ สารสเตียรอยด์ การแกะ-เกา (ถ้าหากคันมากจนทนไม่ไหวให้เปลี่ยนมาเป็นการลูบแทน)
3.2 ลด : ความคาดหวัง ความเครียด ความกังวล ฝึกการมีความสุขกับสิ่งเล็กๆในทุกๆวัน อะไรที่หนักไปก็วางลงก่อน พักก่อน กาย-ใจพร้อมก็ค่อยกลับมาลุยต่อ การแบกรับก็อาจจะไม่ใช่คำตอบเสมอไป
3.3 ดูแล : การดูแลตัวเองให้ดีก่อน เพราะเวลาที่เรามีร่างกายที่แข็งแรง จิตใจที่เบิกบาน แจ่มใส มีความสุข เราก็จะมีแรงสร้างผลงาน ทำงาน เรียนรู้และทำสิ่งที่ดี มีประโยชน์ต่อไป
วิธีการดูแลตัวเอง เช่น
• ถ้าผิวแห้ง ก็บำรุงผิวเพิ่มความชุ่มชื้นบริเวณที่แห้ง เพื่อลดอาการคัน โดย การใช้ครีมบำรุง หรือ น้ำมันบำรุงผิวจากธรรมชาติ
• ไม่ปล่อยให้ตัวเองท้องผูก ดูแลการขับถ่ายให้เป็นปกติ เข้าก็ต้องมีออก อย่าเก็บของเสียสะสมไว้ในร่างกาย
• ดูแลความสะอาด ตัดเล็บ สระผม อาบน้ำ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว
• ใช้ผลิตภัณฑ์ หรือ สัมผัส อะไรแล้วแพ้ เกิดอาการคัน ผิวแห้ง ก็ลองหยุดใช้ก่อน ลองอาบน้ำเย็น แทนการอาบน้ำอุ่น หรือ น้ำร้อน เพราะภายในร่างกายคนเป็นสะเก็ดเงินส่วนใหญ่ภายในจะร้อนมากอยู่แล้วเลยทำให้ผิวแดง แห้งและลอก
• ทาครีมกันแดด ก่อนออกแดดอย่างน้อย20นาที เดี๋ยวนี้ครีมกันแดดเนื้อครีมเบาสบายกว่าสมัยก่อนมาก ทำให้ไม่เหนียวเหนอะหนะผิว สบายตัวมากขึ้นค่ะ
• ใส่เสื้อผ้าที่สบายตัว ไม่รัดแน่น จะช่วยระบายความร้อนได้ดีนะคะ
ทั้งหมด 3 ขั้นตอนที่หมอสรุปมานี้มาจากประสบการณ์การรักษาผู้ป่วยสะเก็ดเงิน และ ประสบการณ์รักษาคุณพ่อของหมอเอง บอกได้เลยว่า การคืนความสมดุลสู่กาย และ ใจ คือ ยาที่ดีที่สุดในการรักษาสะเก็ดเงิน (อาหาร ธรรมชาติ และ ทัศนคติ+พฤติกรรมที่ดี) สุดท้ายก่อนจากกันหมอขอเป็นกำลังใจให้ผู้อ่านทุกคนที่กำลังเผชิญกับอาการสะเก็ดเงิน หรือ มีคนใกล้ชิดเป็นสะเก็ดเงินนะคะ โรคสะเก็ดเงินนี้หายเป็นปกติได้ เพราะพวกเราทีมแพทย์แผนไทยจากปุณรดายาไทย อยู่เคียงข้างผู้ป่วยสะเก็ดเงินจนหายสนิทมามากมาย เราได้เรียนรู้ พัฒนา หาวิธีการ ออกแบบการรักษาให้เหมาะกับแต่ละบุคคล จนได้ผลลัพธ์ที่ดี น่าพึงพอใจ พอได้เห็นผู้ป่วยสะเก็ดเงินที่หายจริง อาการไม่กำเริบซ้ำแม้จะหยุดยา พวกเรายิ่งมั่นใจว่าอยากส่งต่อวิธีการรักษาแบบองค์รวมนี้ออกไป เพราะเรารู้ว่าคนที่เป็นสะเก็ดเงินเครียดแค่ไหน อยากหายและไม่อยากกลับมาเป็นอีก พวกเราจึงตั้งใจออกแบบการรักษาเพื่อฟื้นฟู บำรุงระบบน้ำเหลืองให้ดีอย่างยั่งยืน ทีมแพทย์ของเราไม่พึ่งสารเคมี สารสเตียรอยด์ในการรักษา เพราะเราเชื่อว่า “ทุกคนคู่ควรกับการมีสุขภาพที่ดี” สุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนมีอยู่จริง ทำได้ถ้าเราร่วมมือกัน มีปัญหาสะเก็ดรักษามาหลายที่แล้วไม่หาย ไม่อยากกลับมาเป็นอีกแล้วแต่ไม่รู้จะปรึกษาใครดี ติดต่อมาหาเรานะคะ ทีมแพทย์ของเราพร้อมเป็นเพื่อนร่วมทางตลอดการรักษาสะเก็ดเงินของคุณค่ะ
ปุณรดายาไทยเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถปรึกษาปุณรดายาไทยได้นะคะ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 02-1147027
ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร
"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"
แพทย์แผนไทย
" ความมั่งคั่งที่แท้จริง จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรามีสุขภาพกายและใจที่ดี สมดุล แข็งแรง "