อาการปวดเก๊าท์เป็นอาการที่พบบ่อยในผู้ป่วยโรคเก๊าท์ มีระดับอาการปวดตั้งแต่ปวดน้อยจนไปถึงปวดมากอย่างรุนแรง การค้นหาวิธีการบรรเทาอาการปวดเก๊าท์ในเว็บต่าง ๆ ด้วยตนเอง มักจะพบคำตอบว่าอาการปวดเก๊าท์สามารถบรรเทาได้ด้วยการประคบ
แต่การประคบสำหรับอาการปวดเก๊าท์ควรประคบร้อนหรือเย็นดี แล้วประคบแบบไหนถึงจะถูกต้อง ปุณรดายาไทยมีคำตอบให้ค่ะ
การเลือกวิธีการประคบอาการปวดเก๊าท์ ว่าปวดเก๊าท์ประคบร้อนหรือประคบเย็น? หมอขออธิบายในส่วนของโรคเก๊าท์เพิ่มเติมนะคะ ตามความหมายของโรค โรคเก๊าท์คือโรคข้ออักเสบที่มีสาเหตุมาจากการมีภาวะกรดยูริกสะสมในเลือดสูง มีผลึกไปสะสมอยู่ตามข้อต่อ จึงทำให้มีอาการปวดข้อ แต่อาการปวดเก๊าท์ไม่ได้มีเพียงแค่อาการปวดเท่านั้น ยังมีอาการบวม แดง และร้อนอีกด้วย ที่เป็นอาการหลักของอาการปวดเก๊าท์ ดังนั้นเพื่อลดอาการปวด บวม แดง ร้อน หรืออาการข้ออักเสบที่กล่าวมา การประคบเย็นสามารถช่วยลดอาการอักเสบบริเวณข้อได้ หากใช้การประคบร้อน ความร้อนจะสามารถทำให้ข้อมีอาการอักเสบเพิ่มมากขึ้นได้ค่ะ
สำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์บางราย การใช้การประคบเย็นไม่สามารถลดอาการปวดเก๊าท์ได้และยังกระตุ้นให้มีอาการปวดมากขึ้นอีกด้วย จากประสบการณ์การรักษาผู้ป่วยโรคเก๊าท์ของปุณรดายาไทย วิธีการที่ช่วยลดอาการปวดเก๊าท์ที่เห็นผลได้ดีอีกหนึ่งวิธีคือการแช่น้ำอุ่น เนื่องจากน้ำอุ่นจะช่วยกระจายลมที่อั้นตามข้อต่อ ลดอาการตึงของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณนั้น ๆ จึงสามารถลดอาการปวดเก๊าท์ได้ค่ะ
หมออยากให้ทุกท่านมารู้จักการแช่น้ำอุ่นให้มากขึ้นกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะทำให้ทุกท่านสามารถแช่น้ำอุ่นเพื่อลดอาการปวดเก๊าท์ได้อย่างถูกต้องกันค่ะ
1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการแช่น้ำอุ่นดังนี้
• ภาชนะที่เหมาะสมสำหรับการแช่บริเวณข้อที่มีอาการปวดเก๊าท์
• ต้มน้ำสะอาดแล้วนำมาผสมกับน้ำอุณหภูมิห้องให้ในปริมาณน้ำที่ท่วมบริเวณข้อต่อที่จะแช่ *ก่อนแช่น้ำอุ่น ควรใช้มือแช่ก่อนเพื่อทดสอบความร้อน หากสามารถทนได้แสดงว่าใช้ได้ แต่หากร้อนเกินไปควรผสมน้ำเพิ่ม*
2. แช่ข้อต่อที่มีอาการปวดเก๊าท์ 15 นาที วันละ 2 ครั้ง และไม่ควรแช่ติดต่อกัน
3. รู้จักข้อควรระวังสำหรับการแช่น้ำอุ่น
• ไม่ควรแช่น้ำที่อุณหภูมิร้อนจนเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอการแสบผิวและผิวหนังเกิดอาการไหม้ได้
• ไม่ควรแช่น้ำอุ่นเกิน 15 นาที เพื่อป้องกันการรับความรู้สึกที่ผิวหนังลดลง
• ไม่ควรแช่น้ำอุ่น หากบริเวณข้อต่อมีแผลเปิด เพื่อป้องกันการเกิดแผลติดเชื้อ
• ควรระมัดระวังในบริเวณที่ผิวหนังที่มีการรับความรู้สึกลดลงและมีความผิดปกติเส้นประสาทส่วนปลาย เช่น โรคเรย์นอด โรคเบาหวาน เป็นต้น
• สังเกตอาการขณะแช่น้ำอุ่นว่า อาการดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไร หากมีอาการปวดมากขึ้นขณะแช่ ให้หยุดการแช่น้ำอุ่น และปรึกษาแพทย์ทันที
วิธีการแช่น้ำอุ่นเพื่ออาการปวดเก๊าท์ที่ถูกต้องไม่ใช่เพียงการนำมือหรือเท้าแช่ลงในน้ำแล้วจบไป แต่ต้องทราบถึงระยะเวลาที่ใช้ ความถี่ในการแช่ และข้อควรระวังสำหรับการแช่น้ำอุ่น เพราะการแช่น้ำอุ่นอาจจะไม่สามารถทำได้ในกรณีที่มีเงื่อนไขที่สามารถทำให้เกิดอันตรายได้ในผู้ป่วยบางราย
ปุณรดายาไทยรักษาโรคเก๊าท์ตามศาตร์ทางการแพทย์ไทย โดยแบ่งออกเป็น 2 Step การรักษา ดังนี้
Step 1 การรักษาโรคเก๊าท์โดยการใช้ยาสมุนไพร ด้วยชุดยาสมุนไพร GT-Set ชุดยาสมุนไพรรักษาโรคเก๊าท์ ข้ออักเสบ ปวดข้อ และลดระดับกรดยูริกในเลือด โดยมีรายละเอียดชุดการรักษา ดังนี้
1. ยาสมุนไพร B-Comfort ยารับประทานชนิดแคปซูล มีส่วนประกอบของเถาวัลย์เปรียง เถาเอ็นอ่อน เถาโคคลาน กำลังวัวเถลิง กำลังเสือโคร่ง และอื่น ๆ ที่มีสรรพคุณแก้อาการข้ออักเสบ แก้ปวดข้อ ช่วยบำรุงกล้ามเนื้อ บำรุงเส้นเอ็น กระจายเลือดลมให้สามารถทำงานได้อย่างปกติ และช่วยให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น
2. น้ำย่านาง Balance Gold น้ำสมุนไพรที่มีส่วนประกอบของสมุนไพรฤทธิ์เย็น ได้แก่ ใบย่านาง ใบเตย ใบบัวบก สมอไทย เชียงดา ดอกสายน้ำผึ้ง และดอกเก๊กฮวย มีสรรพคุณช่วยลดอาการปวด ลดความร้อน ลดอาการอักเสบทั้งภายในและภายนอก และช่วยขับของเสีย กรดยูริกที่สะสมอยู่ภายในร่างกาย
Step 2 การรักษาโรคเก๊าท์โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
1. หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีสารพิวรีนสูง ได้แก่ เนื้อแดง (เนื้อหมู เนื้อวัว) เนื้อสัตว์ปีก เครื่องในสัตว์ (ตับ ไต หัวใจ ไส้ กระเพาะ) อาหารทะเล (ปลาซาร์ดีน ปลาไส้ตัน ปลาทู หอยเชลล์ หอยแมลงภู่) ยอดผัก (หน่อไม้, ผักโขม, ดอกกะหล่ำ, ชะอม) และยีสต์ เป็นต้น
2. หลีกเลี่ยงการทานผลไม้รสหวาน และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลฟรุกโตส ได้แก่ องุ่น แอปเปิ้ล สตรอเบอร์รี่ ลิ้นจี่ กล้วยน้ำว้า น้ำผึ้ง และเครื่องดื่มน้ำอัดลมทุกชนิด
3. หลีกเลี่ยงการอาหารไขมันสูง เช่น เนื้อสัตว์ติดมัน อาหารทอด เนื่องจากไขมันจะทำให้ร่างกายขับกรดยูริกออกมาได้น้อยลง
4. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด โดยเฉพาะเบียร์และไวน์แดง
5. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 3 ลิตร จะช่วยขับกรดยูริกที่สะสมออกมาทางปัสสาวะ
6. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง และนอนก่อนเวลา 22.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
7. ในผู้ป่วยที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน ควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อลดน้ำหนักที่ไปกดทับบริเวณข้อต่อ
8. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก หรือการออกกำลังที่เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุบริเวณข้อต่อ
9. รับการรักษาโรคประจำตัวร่วมด้วย อาทิ โรคเบาหวาน โรคไขมันมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ นิ่วทางเดินปัสสาวะ และโรคประจำตัวอื่น ๆ ในการรับการรักษาจำเป็นต้องแจ้งการมีโรคประจำตัวกับแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงและผลข้าง เคียง เพื่อความปลอดภัยในการรักษาและการใช้ยา
10. พบแพทย์ตามนัดหมายอย่างต่อเนื่องจนอาการเก๊าท์หายสนิท
การรักษาโรคเก๊าท์ด้วยการใช้ยาสมุนไพรควบคู่กับการปรับพฤติกรรมในการดูแลตัวเองจะให้ประสิทธิภาพในการรักษามีผลดีมากยิ่งขึ้น นอกจากจะรักษาอาการปวดเก๊าท์ที่เกิดขึ้นให้หายแล้ว ยังสามารถช่วยป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของโรคเก๊าท์และป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้อีกด้วย เพราะการรักษาตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยเป็นการรักษาแบบองค์รวมที่รักษาครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย ด้านจิตใจ และด้านสภาพแวดล้อมของผู้ป่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว
หมอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาให้กับบทความนี้เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการรักษาโรคเก๊าท์ และหมอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านผู้อ่านทุกท่านจะได้รับคำตอบของวิธีบรรเทาอาการปวดเก๊าท์และสามารถปฏิบัติตามวิธีการแช่น้ำอุ่นเมื่อมีอาการปวดเก๊าท์ได้อย่างถูกต้องกันนะคะ หากมีคำถามหรือข้อสงสัยเพิ่มเติม ปุณรดายาไทยมีผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรและทีมแพทย์แผนไทยยินดีที่จะให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการใช้ยาสมุนไพรรักษาโรคเก๊าท์ และให้คำแนะนำในการรักษาเฉพาะรายบุคคล โดยสามารถปรึกษาอาการเข้ามาทาง Line ของปุณรดายาไทยได้เลยนะคะ ทางเรามีคุณหมอคอยดูแลให้คำแนะนำ ทุกวัน ตั้งตั้งแต่ 09:00 - 21:00 เลยค่ะ
ปุณรดายาไทยเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถปรึกษาปุณรดายาไทยได้นะคะ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 02-1147027
ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร
"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"
แพทย์แผนไทย
" ความมั่งคั่งที่แท้จริง จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรามีสุขภาพกายและใจที่ดี สมดุล แข็งแรง "