เคยไหมคะ รู้สึกปัสสาวะแสบขัดทุกครั้งหลังการมีเพศสัมพันธ์? หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาอาจเกิดอันตรายได้ เพราะอาการนี้เป็นสัญญาณเตือนของการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แล้วกระเพาะปัสสาวะอักเสบเกี่ยวข้องกับเพศสัมพันธ์อย่างไร ในบทความนี้หมอมีคำตอบ พร้อมแนวทางการป้องกันและแนวทางการรักษามาให้แบบจัดเต็มเลยค่ะ
กระเพาะปัสสาวะอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การกลั้นปัสสาวะ การดูแลสุขอนามัยผิดวิธี การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนหลังวัยหมดประจำเดือนหรือในช่วงการตั้งครรภ์ โรคที่มีผลต่อการอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะ และเพศสัมพันธ์ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบเช่นกันค่ะ
กระเพาะปัสสาวะอักเสบหลังการมีเพศสัมพันธ์มักเกิดขึ้นในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย เนื่องจากโครงสร้างอวัยวะเพศหญิงสัมพันธ์กับระบบทางเดินปัสสาวะ อยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กัน อีกทั้งทางเดินปัสสาวะของเพศหญิงสั้นกว่าเพศชาย เมื่อมีเพศสัมพันธ์เชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ทำให้หลังการมีเพศสัมพันธ์มีอาการปวดท้องน้อยและมีอาการแสบร้อนขณะปัสสาวะได้ค่ะ
หรือในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์รุนแรง มีเพศสัมพันธ์บ่อยครั้ง ก็เสี่ยงต่อการเกิดแผลบริเวณอวัยวะเพศทำให้เพิ่มโอกาสในการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
1. หลังมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง ควรปัสสาวะทิ้ง และทำความสะอาดอวัยวะเพศให้สะอาด เพื่อลดการติดเชื้อ เพราะในช่วงมีเพศสัมพันธ์จะเป็นการเพิ่มการติดเชื้อจากแบคทีเรียที่อยู่ในช่องคลอด เดินทางเข้าท่อปัสสาวะ และไปติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะ การค้างของน้ำปัสสาวะที่มีเชื้อโรคทำให้เกิดการเพิ่มจำนวนของแบคทีเรีย และเกิดการอักเสบเฉียบพลัน
2. ควรดูแลสุขอนามัยของอวัยวะเพศอย่างถูกวิธี ได้แก่ การทำความสะอาดอวัยวะเพศให้แห้งทุกครั้งหลังการขับถ่ายเพื่อลดความอับชื้น สำหรับเพศหญิงควรเช็ดทำความสะอาดอวัยวะเพศจากด้านหน้าไปด้านหลัง และไม่ควรสวนล้างช่องคลอดเพราะจะทำให้เชื้อประถิ่นที่ทำหน้าที่ดูแลความสมดุลของช่องคลอดถูกกำจัดออกไป
3. ไม่ควรสวมใส่กางเกงที่รัดแน่นจนเกินไป ควรสวมใส่กางเกงที่มีเนื้อผ้าระบายอากาศได้ดี เพราะการสวมกางเกงที่รัดแน่นจะทำให้เกิดความอับชื้นและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ
4. หลีกเลี่ยงการแช่น้ำ หรือการใช้สระว่ายน้ำสาธารณะ ในช่วงที่มีอาการอักเสบบริเวณอวัยวะเพศ มีแผล หรือมีตกขาว เพราะเชื้อโรคที่อยู่ในน้ำสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านช่องคลอดได้ง่ายขึ้น
5. หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะ หากปวดปัสสาวะควรรีบเข้าห้องน้ำทัน เพราะการกลั้นปัสสาวะจะทำให้เชื้อโรคอยู่ในกระเพาะปัสสาวะนานและเจริญเติบโตได้เร็วขึ้น
6. ดื่มน้ำให้มากขึ้น อย่างน้อยวันละ 3-4 ลิตร (ตามน้ำหนักตัว) เพื่อช่วยขับเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ภายนอกออกมา
7. หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงการรักษา เพื่อป้องกันการเพิ่มเชื้อเข้าสู่ในร่างกาย ซึ่งอาจมีผลต่อระยะเวลาในการรักษาที่นานขึ้น
8. หากมีอาการ ควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและการพัฒนาไปเป็นโรคที่มีความรุนแรงมากขึ้น
การรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน
โดยทั่วไปการวินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบหลังการมีเพศสัมพันธ์ แพทย์จะวินิจฉัยจากการซักประวัติหาสาเหตุว่ามีสาเหตุมาจากเพศสัมพันธ์อย่างเดียวหรือไม่ ร่วมกับการตรวจเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะ หรือมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมสำหรับผู้ป่วยบางรายที่อาจมีโรคอื่นร่วมด้วย เพื่อการวางแผนการรักษาอย่างถูกต้อง
หากเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบจากเพศสัมพันธ์ แพทย์จะจ่ายยาปฏิชีวนะ 3-5 วัน เพื่อฆ่าเชื้อ ช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง ช่วยคลายการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ เช่น
• ยาโคไตรม็อกซาโซล (Co-trimoxazole)
• ยาอะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin)
• ยานอร์ฟล็อกซาซิน (Norfloxacin)
• ยาโอฟล็อกซาซิน (Ofloxacin)
• ยาไซโพรฟล็อกซาซิน (Ciprofloxacin)
ยาสำหรับการรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบทั้งหมดนี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง เนื่องจากยาปฏิชีวะนะส่งผลให้เกิดการดื้อยาได้
แพทย์แผนไทยรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบด้วยการใช้ตำรับยาสมุนไพรที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส ควบคู่กับการใช้สมุนไพรที่ช่วยขับปัสสาวะให้เชื้อที่อยู่ในร่างกายถูกขับออกมาได้ดียิ่งขึ้น
โดยปุณรดายาไทยได้เลือกใช้แนวทางการรักษาตามหลักการแพทย์แผนไทยในการรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบ 2 Step ดังนี้
Step 1: การฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส
ปุณรดายาไทยใช้ สมุนไพร B-Boost สมุนไพรสารสกัดพลูคาว ในการช่วยฆ่าเชื้อที่ก่อให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายเพื่อป้องกันการกลับมาติดเชื้อซ้ำ
Step 2: การขับปัสสาวะ
น้ำย่านางสูตร Balance Gold ของปุณรดายาไทยมีส่วนประกอบของย่านาง ใบเตย ใบบัวบก เชียงดา สมอไทย ดอกสายน้ำผึ้ง และดอกเก๊กฮวย เป็นสมุนไพรฤทธิ์เย็นที่ช่วยลดการอักเสบ ลดการสะสมของความร้อนทั้งภายในและภายนอก ลดอาการแสบร้อนบริเวณทางเดินปัสสาวะ และช่วยขับเชื้อออกมาทางปัสสาวะ
โดยการใช้สมุนไพร B-Boost และ น้ำย่านางสูตร Balance Gold ควบคู่กันในการรักษาจะช่วยยับยั้งเชื้อที่ทำให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบและเชื้อจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะอย่างเร็ว ทำให้อาการปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะกะปริบกะปรอย อาการแสบร้อนขณะปัสสาวะ หายได้เร็วขึ้นค่ะ
กระเพาะปัสสาวะอักเสบหลังการมีเพศสัมพันธ์เป็นอาการที่พบได้บ่อย ดังนั้นการรู้จักสาเหตุ แนวทางป้องกัน และแนวทางการรักษาจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากเกิดอาการผิดปกติ การรีบพบแพทย์และรับการรักษาทันทีจะช่วยป้องกันการมีอาการที่รุนแรงขึ้นได้
การทำความเข้าใจและรู้วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบหลังการมีเพศสัมพันธ์ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีอาการแล้วเท่านั้น ไม่ว่าจะในสถานะสามี ภรรยา หรือคู่นอน การดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการนำเชื้อไปให้อีกฝ่ายก็เป็นเรื่องที่ควรใส่ใจเช่นกันค่ะ ดังนั้นหมออยากฝากให้ทุกคนดูแลสุขอนามัยให้ถูกต้อง และดูแลสุขภาพตัวเองกันด้วยนะคะ
ปุณรดายาไทยมีผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรและทีมแพทย์แผนไทยยินดีให้คำปรึกษา และให้คำแนะนำเฉพาะรายบุคคลตลอดการรักษาเลยค่ะ สามารถปรึกษาอาการเข้ามาทาง Line ของปุณรดายาไทยได้เลยนะคะ ทางเรามีคุณหมอคอยดูแลให้คำแนะนำทุกวัน ตั้งตั้งแต่ 09:00 - 21:00 เลยค่ะ ติดต่อทาง Line id : @poonrada หรือ โทร 02-1147027 นะคะ
ปุณรดายาไทยเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถปรึกษาปุณรดายาไทยได้นะคะ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 02-1147027
ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร
"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"
แพทย์แผนไทย
" ความมั่งคั่งที่แท้จริง จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรามีสุขภาพกายและใจที่ดี สมดุล แข็งแรง "