เป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ รักษาเองได้ไหม? กินยาอะไรดี? รักษายังได้บ้าง?
เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ทุกท่านมักค้นหาคำถามเหล่านี้เป็นลำดับแรก ๆ กันใช่ไหมคะ หมอเข้าใจถึงความกังวลและพร้อมตอบคำถามของทุกท่าน รับรองว่าหลังจากอ่านบทความนี้จบแล้ว จะช่วยคลายกังวลได้อย่างแน่นอนค่ะ ขอเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการและสาเหตุของกระเพาะปัสสาวะอักเสบกันก่อนนะคะ
อาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ได้แก่
1. ปัสสาวะกะปริบกะปรอย (ปัสสาวะทีละน้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง)
2. กลั้นปัสสาวะไม่อยู่
3. ปัสสาวะมีสีขุ่น หรือปัสสาวะมีเลือดปน
4. ปวดบริเวณท้องน้อยหรือหัวเหน่า
5. มีอาการแสบร้อนขณะปัสสาวะโดยเฉพาะตอนปัสสาวะเสร็จ
6. มีไข้ หนาวสั่น
กระเพาะปัสสาวะอักเสบเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย Escherichia Coli หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อเชื้อ E. Coli ซึ่งมีอยู่มากบริเวณทวารหนักจึงเป็นเชื้อที่พบบ่อยที่สุดในการก่อให้เกิดโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
แล้วทำไมเชื้อเหล่านี้ถึงสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินปัสสาวะจนทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบได้? สำหรับคำถามนี้มีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อเลยค่ะ เช่น การดูแลสุขอนามัยที่ไม่ถูกต้อง การกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน การดื่มน้ำน้อย การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ถูกสุขลักษณะ และการมีภาวะอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ เช่น ต่อมลูกหมากโต มะเร็งต่อมลูกหมาก เนื้องอกมดลูก นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น
อย่างที่ทุกท่านได้ทราบกันแล้วว่าโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ต้องใช้ยาปฏิชีวะนะเพื่อฆ่าเชื้อก่อโรค ดังนั้นการจ่ายยารักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบควรอยู่ในความดูแลของแพทย์เท่านั้น ไม่ควรซื้อยากินเอง เพราะการซื้อยารักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบมากินเองมีความเสี่ยงที่ยานั้นจะไม่สามารถยับยั้งเชื้อได้ หรือขนาด ปริมาณการใช้ยาไม่ถูกต้อง และเชื้อเกิดการดื้อยา ทำให้อาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบยังคงเป็นอยู่และอาจรุนแรงขึ้นได้ค่ะ
หากมีอาการปัสสาวะกะปริบกะปรอย ไม่มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย อาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบที่ไม่รุนแรงสามารถหายเองได้ภายใน 2-3 วันควบคู่กับการดูแลตัวเอง หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่กระตุ้นอาการค่ะ และในระหว่าง 2-3 วัน คอยสังเกตอาการว่าดีขึ้นหรือไม่? หากอาการไม่ดีขึ้น ปัสสาวะเปลี่ยนเป็นสีขุ่นขึ้น ปัสสาวะมีเลือดปน ปวดบริเวณท้องน้อยมากจนทนไม่ได้ และโดยเฉพาะอาการมีไข้ หนาวสั่น ควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อตรวจร่างกายหาสาเหตุเพิ่มเติมอย่างละเอียดนะคะ
การรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบด้วยตัวเองสามารถทำได้ค่ะ ด้วยการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่กระตุ้นให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และรู้จักวิธีดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง ได้แก่
• ดูแลสุขอนามัยให้ถูกต้อง โดยการทำความสะอาดอวัยวะเพศให้แห้งทุกครั้งหลังการขับถ่าย สำหรับผู้หญิงควรทำความสะอาดโดยเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลังเพื่อป้องกันเชื้อโรคจากทวารหนักปนเปื้อนผ่านท่อปัสสาวะ
• หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะ เพราะการปล่อยให้ปัสสาวะค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะเป็นเวลานาน จะทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี
• ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 3-4 ลิตร เพื่อช่วยขับเชื้อออกมาทางปัสสาวะ
• หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงการรักษา เพราะการมีเพศสัมพันธ์จะเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ และควรปัสสาวะพร้อมทำความสะอาดอวัยวะเพศทุกครั้งหลังการมีเพศสัมพันธ์
• หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่ออวัยวะเพศ เช่น น้ำยาสวนล้างช่องคลอด แว็กซ์กำจัดขน สเปรย์ดับกลิ่น เป็นต้น
• สวมใส่ชุดชั้นในและกางเกงที่ไม่รัดแน่น มีเนื้อผ้าระบายกาศ เพื่อป้องกันการเกิดความอับชื้นที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อได้
• รับประทานน้ำสมุนไพรที่ช่วยขับปัสสาวะ เพื่อขับเชื้อในกระเพาะปัสสาวะและลดอาการอักเสบได้ดียิ่งขึ้น เช่น น้ำกระเจี๊ยบ น้ำตะไคร้ น้ำใบเตย น้ำเก๊กฮวย เป็นต้น
*ควรเป็นน้ำสมุนไพรคั้นสด ไม่ผสมน้ำตาลหรือน้ำเชื่อม เพราะน้ำตาลมีผลทำให้เกิดการอักเสบได้ค่ะ*
วิธีการรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบทั้งหมดนี้สามารถนำไปใช้ดูแลตัวเองต่อเนื่องเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบซ้ำได้เลยนะคะ
นอกจากการดูแลตัวเองด้วยการดื่มน้ำสมุนไพรที่ช่วยขับปัสสาวะแล้ว มียาสมุนไพรที่สามารถรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ไหม? ปุณรดายาไทยมีมาแชร์ให้ทุกท่านแน่นอนค่ะ
วิธีการรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบด้วยการใช้ยาสมุนไพร จะใช้ยาตำรับที่มีส่วนประกอบของสมุนไพรหลาย ๆ ชนิดรวมกันในการรักษา สามารถแบ่งได้ 2 ส่วนการรักษา ดังนี้
ส่วนที่ 1 การใช้สมุนไพรยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ เช่น พลูคาว เหงือกปลาหมอ ฝาง หัวแห้วหมู แก่นแกแล เป็นต้น โดยตำรับยาสมุนไพรของปุณรดายาไทย สมุนไพร B-Boost มีส่วนประกอบของสมุนไพรดังกล่าว ที่มีสรรพคุณช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส ฆ่าเชื้อที่ก่อให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายเพื่อป้องกันการกลับมาติดเชื้อซ้ำอีกด้วยค่ะ
ส่วนที่ 2 การใช้สมุนไพรขับปัสสาวะ นอกจากการดื่มน้ำเพื่อช่วยขับปัสสาวะแล้ว ปุณรดายาไทยใช้น้ำย่านางสูตร Balance Gold ควบคู่กับการใช้ยารับประทาน โดยน้ำย่านางสูตร Balane Gold มีส่วนประกอบของสมุนไพรฤทธิ์เย็น ได้แก่ ย่านาง ใบเตย ใบบัวบก เชียงดา สมอไทย ดอกสายน้ำผึ้ง และดอกเก๊กฮวย มีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ ลดการสะสมของความร้อนทั้งภายในและภายนอก ลดอาการแสบร้อนบริเวณทางเดินปัสสาวะ และช่วยขับเชื้อออกมาทางปัสสาวะได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
ตำรับยาสมุนไพรของปุณรดายาไทยทุกตำรับผลิตจากสมุนไพร 100% ไม่มีสารเคมี ไม่มีสารสเตียรอยด์ผสม และได้รับการผลิตที่มีมาตราฐานระดับสากล สามารถใช้รักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอนค่ะ
การรักษาโรคทุกโรครวมถึงการรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบในแต่ละบุคคลจะแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขทางด้านสุขภาพ เช่น อาการแสดง โรคประจำตัว หรือภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น ทำให้แผนการรักษา การจ่ายยา ระยะเวลาการใช้ยาที่ไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นการรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบภายใต้การดูแลของแพทย์จึงสำคัญ เพื่อการรักษาที่ถูกต้องและปลอดภัยสำหรับทุกท่านนะคะ
หมอหวังว่าทุกท่านจะเข้าใจเหตุผลในแต่ละคำตอบกันนะคะ อย่างไรก็ตามนอกจากการรักษาด้วยการใช้ยาแล้ว หมออยากให้ทุกท่านเห็นความสำคัญของการดูแลตัวเองควบคู่ไปด้วย เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษานะคะ
ปุณรดายาไทยมีผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรและทีมแพทย์แผนไทยยินดีให้คำปรึกษา และให้คำแนะนำเฉพาะรายบุคคลตลอดการรักษาเลยค่ะ สามารถปรึกษาอาการเข้ามาทาง Line ของปุณรดายาไทยได้เลยนะคะ ทางเรามีคุณหมอคอยดูแลให้คำแนะนำทุกวัน ตั้งแต่ 09:00 - 21:00 เลยค่ะ ติดต่อทาง Line id : @poonrada หรือ โทร 02-1147027 นะคะ
ปุณรดายาไทยเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถปรึกษาปุณรดายาไทยได้นะคะ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 02-1147027
ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร
"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"
แพทย์แผนไทย
" ความมั่งคั่งที่แท้จริง จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรามีสุขภาพกายและใจที่ดี สมดุล แข็งแรง "