อาหารแสลงโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีอะไรบ้าง?

ช่วงนี้หมอได้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบค่อนข้างเยอะ และส่วนใหญ่มีความกังวลใจใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลสุขภาพอย่างไรให้หายเร็ว อาหารแสลง รวมถึงปัจจัยที่ส่งผลให้อาการกำเริบ ความกังวลใจเหล่านี้จะหมดไปเมื่อท่านผู้อ่าน อ่านบทความนี้จนจบนะคะ

ก่อนอื่นหมอขอพามาดูเช็คลิสต์อาการ รวมถึงสาเหตุการเกิดโรคกันก่อนนะคะ

4 อาการที่บ่งบอกว่าคุณเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

1. ปัสสาวะแสบ ขัด

2. ปัสสาวะมีสีขุ่น มีกลิ่นผิดปกติ หรืออาจมีเลือดปนตอนปัสสาวะ

3. ปัสสาวะบ่อย แบบกะปริบกะปรอย มากกว่า 10 ครั้งต่อวัน มีอาการคล้ายถ่ายปัสสาวะไม่สุด

4. ปวดบริเวณท้องน้อยเวลาปัสสาวะ

สาเหตุการเกิดโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

ในมุมมองแพทย์แผนไทย

เกิดจาก 1 ในมูลเหตุการเกิดโรค 8 ประการ คือ พฤติกรรมการกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการสะสมของของเสีย รวมถึงเกิดลมคั่งค้างในระบบทางเดินปัสสาวะ ส่งผลให้ธาตุไฟกำเริบ (สันตัปปัคคี) ทำให้มีไข้ต่ำๆ ปัสสาวะร้อนขึ้น เกิดอาการแสบตอนปัสสาวะ จากนั้นธาตุลมกำเริบตามมา (ลมอโธคมาวาตา,กุจฉิสยาวาตา,โกฏฐาสยาวาตา) จึงมีอาการปัสสาวะได้ไม่สุด ปัสสาวะขัด เมื่อธาตุทั้งสองกำเริบมากเข้า จะทำให้ ธาตุน้ำ คือ ปัสสาวะ (มุตตัง) พิการ มีสีที่ขุ่นขึ้น และอาจทำให้ปัสสาวะปนเลือดได้ (โลหิตตังพิการ) นอกจากนี้หากปล่อยไว้เรื้อรัง ยังทำให้ ธาตุดิน ปถวีพิการ คือ กระเพาะปัสสาวะทำงานผิดปกติ รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปกติจากการที่อั้นเป็นเวลานาน อาจจะมีภาวะปัสสาวะเล็ดได้ด้วยค่ะ

ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน

เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรีย Escherichia coli หรือ E. coli ซึ่งพบได้มากถึง 75-95% และเชื้อแบคทีเรีย Klebsiella ซึ่งเป็นเชื้อที่มีอยู่มากในลำไส้ และบริเวณรอบๆทวารหนัก เชื้อเหล่านี้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้จาก

• การสวนปัสสาวะ

• การกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน

• การใช้ผ้าอนามัยแบบสอด

• การมีเพศสัมพันธ์

• การเช็ดก้นในลักษณะจากด้านหลังมาทางด้านหน้า โดยในผู้หญิงจะมีโอกาสติดเชื้อได้มากกว่าผู้ชาย เนื่องจากผู้หญิงมีท่อปัสสาวะสั้นและอยู่ใกล้กับช่องคลอดกับทวารหนัก ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะผ่านทางท่อปัสสาวะได้ง่าย

• สารเคมี บางคนอาจมีความไวหรือระคายเคืองต่อสารเคมีในผลิตภัณฑ์บางอย่าง เช่น ผลิตภัณฑ์อาบน้ำหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น

• การใช้ยา ส่วนประกอบในยาบางชนิดอาจมีผลต่อการอักเสบหรือระคายเคืองของกระเพาะปัสสาวะ โดยเฉพาะยาเคมีบำบัด เช่น ยาซัยโคลฟอสฟาไมด์ และ ยาไอฟอสฟามายด์ เป็นต้น

• ภาวะแทรกซ้อนจากโรคประจำตัว เช่น นิ่ว ต่อมลูกหมากโต หรือการได้รับบาดเจ็บบริเวณไขสันหลัง เป็นต้น

• การฉายรังสีบริเวณช่องเชิงกราน ทำให้เนื้อเยื่อภายในกระเพาะปัสสาวะบริเวณที่โดนฉายรังสีเกิดการอักเสบขึ้นได้

หากท่านผู้อ่านลองเช็คลิสต์แล้วมีอาการ และพฤติกรรมเสี่ยงข้างต้นตามนี้ หมอแนะนำว่าต้องรีบปรับเปลี่ยนเพื่อไม่ให้อาการเป็นมากขึ้นนะคะ ต่อไปจะเป็นในส่วนของการปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม และรายการอาหารแสลงที่ควรงดตอนที่มีอาการ เพราะอาหารเหล่านี้จะไปกระตุ้นการอักเสบภายในร่างกายได้ เราควรที่จะมีการดูแลตัวเองที่เหมาะสมเพื่อให้อาการหายได้เร็วขึ้นค่ะ

วิธีดูแลตัวเองเมื่อมีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

1. ไม่กลั้นปัสสาวะนานๆ ควรถ่ายปัสสาวะทันทีที่มีอาการปวดถ่ายปัสสาวะ

2. ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอต่อร่างกาย ควรดื่มให้ได้ 5% ของน้ำหนักตัว ทำให้เลือดหมุนเวียนดี ขับปัสสาวะได้ดี และลดการอักเสบในร่างกาย หรือดื่มน้ำสมุนไพรที่มีสรรพคุณขับปัสสาวะ เช่น น้ำตะไคร้ น้ำกระเจี๊ยบแดง น้ำขิง และสมุนไพรฤทธิ์เย็นที่มีสรรพคุณลดการอักเสบ เช่น น้ำย่านาง น้ำใบเตย เป็นต้น

3. รักษาสุขอนามัยบริเวณอวัยวะเพศและบริเวณทวารหลังขับถ่ายเสร็จ สำหรับผู้หญิงควรเช็ดทำความสะอาดอวัยวะเพศ จากด้านหน้าไปด้านหลัง

4. ควรทำความสะอาดและซับให้แห้งทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือหลังปัสสาวะ

5. หลังมีเพศสัมพันธ์ ควรถ่ายปัสสาวะทันทีเพื่อขับเชื้อโรคที่คั่งค้างขณะมีเพศสัมพันธ์ออกมา

6. หลีกเลี่ยงการใช้สารที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในขณะที่มีอาการ เช่น ผ้าอนามัยแบบสอด น้ำยาฆ่าเชื้อ สเปรย์ดับกลิ่น น้ำยาสวนล้าง

7. เตรียมความพร้อมก่อนออกไปข้างนอก ควรเข้าห้องน้ำปัสสาวะให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันการปวดปัสสาวะและอั้นปัสสาวะตอนเดินทาง

8. ควรใส่ชั้นในหรือเสื้อผ้าที่ไม่รัดรูปจนเกินไป เพื่อป้องกันการอับชื้น

อาหารแสลงที่ไม่ควรทานตอนกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

1. อาหารรสเผ็ดหรือมีส่วนประกอบของพริก เนื่องจากสารแคปไซซินในพริก ทำให้เยื่อบุกระเพาะปัสสาวะระคายเคือง

2. อาหารรสเปรี้ยว เนื่องจากความเป็นกรดทำให้เยื่อบุกระเพาะปัสสาวะอักเสบมากขึ้น

3. ของหมักดอง เช่น ผักดอง ผลไม้ดอง ปลาร้า หน่อไม้ เพราะทำให้เชื้อแบคทีเรียในกระเพาะปัสสาวะมีจำนวนมากขึ้น และ กระตุ้นการอักเสบ

4. ของหวาน อาหารประเภทแป้ง ผลิตภัณฑ์จากนมสัตว์ เนย ชีส เนื่องจากอาหารเหล่านี้มีน้ำตาลสูง น้ำตาลเป็นอาหารของแบคทีเรียในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เชื้อแบคทีเรียเติบโตและเกิดการอักเสบตามมา

5. แอลกอฮอล์ และ เครื่องที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ โกโก้ เนื่องจากกระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ต้องเข้าห้องน้ำบ่อย เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น

เป็นอย่างไรบ้างคะ 5 กลุ่มอาหารแสลงที่หมอกล่าวมานี้ มีรายการไหนเป็นอาหารโปรดของท่านผู้อ่านหรือไม่คะ หากชอบทานหรือทานบ่อยหมอแนะนำให้ปรับลดปริมาณการทานลงหรือหยุดทานตอนที่มีอาการเพื่อให้อาการหายเร็วขึ้นค่ะ แต่หากปรับแล้วยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควรเพราะเป็นเรื้อรังมานาน ก็ถึงเวลาที่เราจะมาเริ่มรักษาอย่างจริงจังกันแล้วนะคะ ปุณรดายาไทยมีชุดการรักษาอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบให้หายขาดได้ โดยชื่อชุดว่า UT-Set ประกอบด้วยสมุนไพร 2 ตำรับในการรักษา รักษาต่อเนื่องเพียง 1 ชุดแรกก็สามารถเห็นผลได้เลยค่ะ

รายละเอียดตำรับยาสมุนไพรรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบ ชุด UT-Set ประกอบด้วยตัวยาดังนี้

• สมุนไพร B-boost ยารับประทานชนิดแคปซูล มีส่วนประกอบของ พลูคาว เหงือกปลาหมอ แก่นแกแล และอื่นๆ มีสรรพคุณ ช่วยฆ่าเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ลดอาการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะ ลดอาการแสบขัด ลดปวดเสียวเวลาที่ถ่ายปัสสาวะ ลดอาการปัสสาวะปนเลือด ทำให้เลือดลมบริเวณกระเพาะปัสสาวะไหลเวียนได้ดีขึ้น ปัสสาวะสุดมากขึ้น ลดการสะสมของแบคทีเรียภายใน ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะแทรกซ้อน และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย

• น้ำย่านาง Balance Gold มีส่วนประกอบของ ใบย่านาง ดอกเก๊กฮวย ใบบัวบก ใบเตย ดอกสายน้ำผึ้ง และอื่นๆ มีสรรพคุณ ช่วยลดอาการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะ ขับปัสสาวะ ลดไข้ และลดการสะสมความร้อนภายในร่างกาย

นอกจากการใช้ยารักษาแล้ว หมออยากแนะนำให้ปรับลด-เลิกพฤติกรรมรวมถึงอาหารแสลงที่กระตุ้นอาการร่วมด้วยอย่างต่อเนื่องไปตลอด เพราะกระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นโรคที่เกิดจากพฤติกรรม หากต้องการรักษาให้หายสนิท ไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก เราก็ไม่ควรมีพฤติกรรมที่กระตุ้นการซ้ำๆ จึงจะช่วยให้อาการหายสนิทและเป็นการรักษาที่ยั่งยืนค่ะ

หากท่านใดมีปัญหาเกี่ยวกับโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ต้องการรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบด้วยวิธีธรรมชาติ ปลอดภัย ไร้สารเคมี สามารถปรึกษาหมอโดยตรงเพื่อรับคำแนะนำและออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลเพิ่มเติมได้เลยนะคะ

ปุณรดายาไทยเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถปรึกษาปุณรดายาไทยได้นะคะ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ