น้ำส้มสายชูมีประโยชน์มากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการใช้เพื่อเพิ่มรสชาติอาหาร ใช้หมักอาหาร ถนอมอาหาร หรือนำมาขจัดคราบต่างๆในครัวเรือน และ ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า น้ำส้มสายชูช่วยรักษาอาการปวดฟันได้ อีกด้วย
จากกระแสข่าวเรื่อง น้ำส้มสายชูแก้ปวดฟัน ท่านผู้อ่านคงจะเกิดข้อสงสัยใช่ไหมคะ ว่าทำได้จริงหรือไม่? วันนี้หมอจะพามาเช็คข้อมูลให้ชัวร์ก่อนแชร์ และ เพื่อที่จะได้นำไปใช้อย่างถูกวิธีด้วยค่ะ
น้ำส้มสายชูช่วยแก้อาการปวดฟันได้จริงค่ะ แต่ต้องเป็นน้ำส้มสายชูหมัก(ที่ได้จากการหมักผลไม้และธัญพืช)เท่านั้นนะคะ ไม่ใช่น้ำส้มสายชูกลั่น(ซึ่งได้จากการกลั่นแอลกอฮอล์)หรือน้ำส้มสายชูเทียม(ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ) เนื่องจากน้ำส้มสายชูหมักจะมีกรดอินทรีย์ธรรมชาติ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งและฆ่าเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของฟันผุและปวดฟัน
โดยปกติการรักษาอาการปวดฟันด้วยน้ำส้มสายชู จะไม่ได้ใช้น้ำส้มสายชูเพียงอย่างเดียว แต่มักใช้ร่วมกับ รากผักบุ้งนา ซึ่งมีสรรพคุณในการช่วยลดอาการปวดฟัน ลดอาการบวม รวมถึงช่วยยับยั้งและฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้เป็นอย่างดี
วิธีการใช้ : นำรากผักบุ้งนา 1 กำมือมาตำให้ละเอียด และ เติมน้ำส้มสายชูหมักปริมาณ 100 มิลลิลิตรลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นคั้นเฉพาะน้ำมาอมกลั้วปากประมาณ 3-5 นาทีเพื่อแก้ปวดฟันค่ะ
วิธีการดังกล่าวนี้ขั้นตอนการทำไม่ได้ยุ่งยากเลยค่ะ แต่ปัญหาอยู่ที่ส่วนประกอบอย่างรากผักบุ้งนา เป็นพืชผักสมุนไพรที่หาได้ค่อนข้างยากในยุคปัจจุบัน และส่วนที่ใช้ทำยาคือรากซึ่งเป็นส่วนที่ไม่ได้มีขายทั่วไป หากท่านผู้อ่านไม่สามารถหารากผักบุ้งนา หรือ น้ำส้มสายชูหมักมาใช้ได้ หมอมีวิธีแก้ปวดฟันแบบง่ายๆมาให้ลองทำตามดังนี้ค่ะ
ทำความสะอาดฟัน
• หากมีอาการปวดฟันจากการมีเศษอาหารติดฟัน แนะนำให้ใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดเศษอาหารที่ติดตามซอกฟันทั้งสองด้านบริเวณที่มีอาการปวดอย่างระมัดระวัง จากนั้นให้บ้วนปากและกลั้วปากด้วยน้ำอุ่นเพื่อให้เศษอาหารหลุดออก เสร็จแล้วจึงบ้วนน้ำทิ้ง
งดสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ปวดฟันเพิ่มขึ้น หรือ ทำให้ประสาทฟันบาดเจ็บมากขึ้น เช่น
• ของเย็นจัด : น้ำแข็ง ไอศกรีม
• ของร้อนจัด : น้ำร้อน ชาร้อน กาแฟร้อน อาหารร้อน
• อาหารรสจัด โดยเฉพาะรสหวานจัด เปรี้ยวจัด
• อาหารที่แข็งและเหนียวมากเกินไป : ปลาหมึก ถั่วเปลือกแข็ง
หลีกเลี่ยงการกระทบกระแทกบริเวณที่มีอาการปวดฟัน
• หากเรายังกระทบกระแทกบริเวณที่มีอาการปวด อาจจะทำให้อาการยิ่งแย่ลงและปวดมากขึ้น เลี่ยงการเคี้ยวอาหารฝั่งที่มีอาการปวด รวมถึงควรรับประทานอาหารที่นิ่ม เคี้ยวง่ายเพื่อลดภาระการบดเคี้ยวของฟัน
ประคบร้อน-เย็น
• การประคบเป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ปวดฟันกระทันหันที่สามารถทำได้ โดยวิธีประคบเย็นจะช่วยห้ามเลือดกรณีที่อาการปวดฟันมีอาการเลือดออกตามไรฟันร่วมด้วย โดยทำเพื่อห้ามเลือดและลดความเจ็บปวด การประคบเย็น ทำได้โดยน้ำผ้าบางๆ ที่สะอาด ห่อน้ำแข็งและทำการประคบบริเวณที่ปวดประมาณ 10–15 นาที
• ส่วนการประคบร้อนนั้น แนะนำให้ทำกรณีที่อาการปวดฟันและมีหนองเกิดขึ้น ความร้อนจะช่วยระบายหนองออก และช่วยบรรเทาอาการปวด การประคบร้อน ทำได้โดยน้ำผ้าขนหนูสะอาดชุบน้ำอุ่น ประคบบริเวณที่ปวดเป็นเวลา 10–15 นาที ค่ะ
ใช้ถุงชาประคบบริเวณที่ปวด
• แนะนำเป็นชาดำที่มีสารแทนนินจะช่วยลดอาการบวมได้ดี หรือ ชาเปปเปอร์มินต์จะทำให้รู้สึกชาเล็กน้อยและช่วยบรรเทาอาการปวดได้ วิธีการใช้ ให้นำถุงชาไปอุ่นในไมโครเวฟ โดยใส่ไว้ในถ้วยที่มีน้ำประมาณ 30 วินาที เพื่ออุ่นถุงชา จากนั้นบีบน้ำที่ชุ่มออก แล้ววางถุงชาบนบริเวณที่มีอาการปวดฟันหรือเหงือกและกัดเบา ๆ จนกว่าอาการปวดจะทุเลาลง
บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ
• การบ้วนปากด้วยน้ำเกลือจะช่วยกำจัดแบคทีเรียในช่องปากและยังช่วยลดอาการปวดฟันได้ด้วย วิธีการ คือ ให้ผสมเกลือ 1 ช้อนชา กับน้ำอุ่น 250 มิลลิลิตร จากนั้นให้อมและกลั้วปากประมาณ 30 วินาที แล้วจึงบ้วนทิ้ง
รับประทานยาแก้ปวด
• หากมีอาการปวดฟันมาก ทนไม่ไหว แนะนำยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล โดยปกติจะรับประทานยาแก้ปวดครั้งละ 1-2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง หรือรับประทานเฉพาะตอนมีอาการปวดเท่านั้น
• ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากที่มีส่วนประกอบของสมุนไพรที่ช่วยรักษาอาการปวดฟัน เช่น
• สะแบง มีสรรพคุณ แก้ปวดฟัน แก้เสียวฟัน แก้ฟันโยกคลอน
• กานพลู มีสรรพคุณ แก้ปวดฟัน แก้เลือดออกตามไรฟัน ดับกลิ่นปาก มีฤทธิ์เป็นยาชา รักษาแผลร้อนใน แก้เสมหะเหนียว ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ต้านการอักเสบ
• อบเชย มีสรรพคุณ แก้ปวดฟัน แก้ไอ ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ต้านการอักเสบ
• เมล็ดผักชี มีสรรพคุณ ช่วยบรรเทาอาการปวดฟัน
• ดาวเรือง มีสรรพคุณ แก้ปวดฟัน ละลายเสมหะ
• ใบชา มีสรรพคุณ ช่วยลดการอักเสบและลดอาการเหงือกบวม
ในการรักษาอาการปวดฟันตามแบบฉบับของปุณรดายาไทย หมอแนะนำการรักษาด้วย น้ำยาบ้วนปากสมุนไพร Gum-D ซึ่งผลิตจากสมุนไพรหลัก 4 ชนิด ที่ช่วยรักษาอาการปวดฟัน ได้แก่ สะแบง กานพลู อบเชย และ เมนทอล
น้ำยาบ้วนปากสมุนไพร Gum-D มีสรรพคุณดังนี้
1. แก้อาการปวดฟัน เหงือกบวม
2. ลดอาการเสียวฟัน ฟันคลอน
3. รักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน
4. ช่วยฆ่าเชื้อในช่องปาก ดับกลิ่น ทำให้ช่องปากสะอาดสดชื่น
5. รักษาแผลร้อนใน
นอกจากสรรพคุณที่เต็มเปี่ยมในการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันเเล้ว น้ำยาบ้วนปากสมุนไพร Gum-D ยังเป็นสูตรอ่อนโยน ไม่ทำให้แสบร้อนในปาก ไม่กัดเหงือกและกระพุ้งแก้ม เด็กอายุ 7 ปีขึ้นไปสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยค่ะ
วิธีการใช้ : บ้วนทันทีหลังแปรงฟัน หรือ หลังทานอาหาร อมกลั้วปาก 3-4 นาที แล้วบ้วนทิ้ง
จากประสบการณ์ผู้ใช้กว่า 90% เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ โดยอาการปวดฟันค่อยๆลดลงจนหายไป กลิ่นปากลดลง ลมหายใจหอมสดชื่น เสริมสร้างความมั่นใจ 100% ค่ะ
สุดท้ายนี้หมอหวังว่าข้อมูลเรื่องน้ำส้มสายชูและวิธีแก้ปวดฟันที่หมอนำมาฝากท่านผู้อ่านในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ในการนำไปปรับใช้ นำไปบอกต่อหรือแชร์ต่ออย่างถูกต้องนะคะ หากทำตามแล้วได้ผลอย่างไร สามารถเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้เลยค่ะ
สำหรับท่านใดมีปัญหาเกี่ยวกับอาการปวดฟัน ต้องการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ ปลอดภัย ไร้สารเคมี สามารถปรึกษาหมอโดยตรงเพื่อรับคำแนะนำและออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลเพิ่มเติมได้เลยนะคะ
ปรึกษาอาการกับหมอได้โดยตรงที่ Line ID : @poonrada หรือโทร. 02-1147027 หมอยินดีให้คำปรึกษาค่ะ
#น้ำส้มสายชูแก้ปวดฟัน #ปวดฟัน #รากฟัน #รักษาปวดฟัน #สมุนไพรแก้ปวดฟัน #ปุณรดายาไทย #แพทย์แผนไทยที่ใกล้คุณที่สุด
ปุณรดายาไทยเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถปรึกษาปุณรดายาไทยได้นะคะ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 02-1147027
ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร
"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"
แพทย์แผนไทย
" ความมั่งคั่งที่แท้จริง จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรามีสุขภาพกายและใจที่ดี สมดุล แข็งแรง "