วิธีรักษาผื่นลมพิษให้ตรงจุดด้วยสมุนไพรไทย

ใครที่เป็นลมพิษบ่อยๆ อาจเป็นผื่นลมพิษเรื้อรังโดยไม่รู้ตัวค่ะ ผื่นลมพิษเรื้อรังจะเป็นตามแขน ขา หรือกระจายตามตัว ลักษณะบวม นูน แดง มีอาการคันร่วมด้วย จะเป็นๆหายๆ อย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ และเป็นบ่อยเกิน 6 สัปดาห์ขึ้นไป ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุเลยค่ะ

วันนี้หมอมีสมุนไพรรักษาผื่นลมพิษที่จะช่วยแก้ลมพิษได้อย่างตรงจุดมาฝากค่ะ ก่อนจะไปรู้จักสมุนไพรรักษาผื่นลมพิษ มารู้จักสาเหตุของผื่นลมพิษกันก่อนค่ะ

สาเหตุของโรคลมพิษที่พบบ่อย มีดังนี้

• สิ่งกระตุ้น ที่ทำให้ร่างกายแพ้ เช่น ยาปฏิชีวนะ, ยากลุ่ม NSAIDs, อาหารจำพวก นม ถั่ว กุ้ง ปู ขนมปัง ข้าวสาลี วอลนัท เหล้า เบียร์, พืชจำพวก ตำแย หมามุ่ย, เครื่องสำอาง, ถูกแมลงจำพวกผึ้ง ต่อ แตน มดแดงไฟต่อย, การสัมผัสไรสุนัขเเละเเมว

• ปัจจัยทางกายภาพ เช่น การที่ผิวหนังถูกแสงแดด การที่ร่างกายมีความร้อนหรือเย็นเกินไป การถูกกดหรือรัดบริเวณผิวหนัง การเกาหรือถูบริเวณผิวหนัง เเละสารจำพวกฝุ่นหรือเชื้อราก็ทำให้เกิดลมพิษได้

นอกจากนี้การติดเชื้อหรือเป็นโรคบางชนิดก็ทำให้เกิดอาการร่วมเป็นผื่นลมพิษได้เช่นกัน เช่น ไข้หวัดใหญ่ (Influenza), โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis), โรคภูมิแพ้ตัวเอง (SLE) เป็นต้น

จะเห็นว่าผื่นลมพิษเกิดได้จากหลายสาเหตุเลยค่ะ เเต่ก็มีลมพิษอีกหลายแบบที่ไม่สามารถหาสาเหตุได้แน่ชัด ในศาสตร์การแพทย์แผนไทยมองร่างกายประกอบขึ้นจากธาตุทั้ง 4 คือ ธาตุดิน น้ำ ลม เเละไฟ เมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย แสดงว่า ธาตุต่าง ๆ เหล่านี้มีเปลี่ยนแปลงไป ไม่สมดุลกัน จึงมีเเนวทางการรักษาผื่นลมพิษ คือ การปรับธาตุทั้ง 4 ให้กลับสู่สมดุล

โรคลมพิษในมุมมองของเวชศาสตร์การแพทย์แผนไทย

โรคลมพิษเกิดได้จากทั้งปัจจัยภายในเเละภายนอก

• ปัจจัยภายในร่างกายหรือภายในตัวบุคคล ได้แก่ ความผิดปกติของร่างกาย (ธาตุสมุฏฐาน) เช่น ธาตุไฟกำเริบที่เกิดได้ทั้งจากความเครียด การรับประทานอาการรสเผ็ดจัด แสงแดด การดื่มแอลกอฮอล์ และช่วงวัยรุ่น (มัชฉิมวัย) ช่วงวัยนี้จะกระทบธาตุไฟให้กำเริบได้ง่าย จะส่งผลให้ร่างกายมีความร้อน เกิดผื่นสีแดงปรากฏทางผิวหนังได้ การที่ธาตุน้ำที่พิการเกิดได้จากการรับประทานอาหารแสลง เช่น ของหมักดอง ของที่มีไขมันสูง อาหารทะเล หรือเกิดจากกิมิชาติ (การติดเชื้อแบคทีเรีย) แพทย์แผนไทยเราจะมองเป็นน้ำเหลืองและเลือด (บุพโพ โลหิต) ที่พิการไปจนทำให้ผิวหนังบวมเป็นผื่นขึ้นมา

• ปัจจัยภายนอก ได้แก่ ช่วงเวลาในการเกิดโรค (กาลสมุฏฐาน) ช่วงที่ธาตุไฟกำเริบได้มากคือช่วงเที่ยงวันเเละเที่ยงคืน (10.00-14.00 น. และ 22.00-02.00 น.) เเละช่วงฤดูร้อน จะเสี่ยงทำให้เกิดผื่นลมพิษจากธาตุไฟถูกกระทบได้ง่ายนอกจากนี้ช่วงบ่ายแก่ๆเเละเช้ามืด (14.00-18.00 น.เเละ 02.00-06.00 น.) รวมถึงฤดูฝน เป็นช่วงที่ธาตุลมกำเริบได้ง่าย การที่ธาตุลมกำเริบ กระจุกตัว คั่งอั้น ไหลเวียนได้ไม่ดีอยู่บริเวณผิวหนังทำให้ผิวแห้ง ธาตุไฟบริเวณนั้นกำเริบจะปรากฏออกมาในรูปแบบของผื่นคันได้ นอกจากนี้มีปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อผิวหนังโดยตรง (ธาตุดิน) คือ แมลงสัตว์กัดต่อยหรือสารเคมีก็ทำให้ธาตุดินพิการไปได้ ส่งผลให้ธาตุไฟ ธาตุลม เเละธาตุน้ำเสียความสมดุลตามไปได้เช่นกัน

การรักษาโรคลมพิษ จะใช้ยาสมุนไพรเพื่อแก้ตามธาตุที่ผิดปกติไป ได้แก่

• ธาตุไฟที่กำเริบแก้ได้ด้วยยารสจืด เพื่อควบคุมธาตุไฟในร่างกาย เช่น รากหญ้าคา ใบกระเม็ง ผักกระชับ หญ้าหนวดแมว เป็นต้น นอกจากนี้แพทย์แผนไทยจะใช้ยาตำรับที่ช่วยลดความร้อนในร่างกาย เช่น ยาห้าราก ยาเขียวหอม ยาประสะจันทน์แดง

• ธาตุน้ำที่พิการใช้ยารสเมาเบื่อในการฟอกเลือดเเละน้ำเหลืองที่เสียไปให้กลับมาเป็นปกติ เช่น ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ เหงือกปลาหมอ ขันทองพยาบาท ทองพันชั่ง หัวร้อยรู ชุมเห็ดเทศ กำมะถันเหลือง หนอนตายอยาก เป็นต้น

• ธาตุลมกำเริบ คั่งอั้น กระจายได้ไม่ดี แพทย์แผนไทยจะใช้ยารสสุขุม เพื่อกระจายเลือดลมภายในร่างกาย เช่น เปราะหอม รากแฝกหอม กะลำพัก ขอนดอก กฤษณา เป็นต้น

• หากมีอาการท้องผูกร่วมด้วยจะพิจารณาใช้ยาระบายอ่อนๆเพิ่มในตำรับ เช่น ใบมะกา ใบมะคำไก่ ตรีผลา เป็นต้น นอกจากนี้จะมีการพิจารณาจ่ายยารักษาอาการทางผิวหนังที่ใช้ภายนอกร่วมด้วย เช่น ยาน้ำมันมหาจักร์ ยาทิงเจอร์พลู ยาพญายอ เป็นต้น

ปุณรดายาไทยเป็นผู้เชี่ยวชาญในการรักษาอาการเรื้อรังต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคที่เกิดในระบบน้ำเหลือง ซึ่งลมพิษก็เป็นหนึ่งในอาการที่ปุณรดายาไทยทำการรักษามาอย่างต่อเนื่อง โดยทุกตำรับคิดค้นและผลิตโดยแพทย์แผนไทยโดยตรง รับรองถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้ ชุดสมุนไพรที่ทางเราใช้ในการรักษาเป็นหลักคือ ชุด B-Smooth Set ในเซตประกอบไปด้วย สมุนไพร B-Smooth เป็นยารับประทานและ ยาทาภายนอก B-Liz2 Oil เป็นน้ำมันสมุนไพรใช้ทาบริเวณผื่นลมพิษที่เป็น ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 นี้ประกอบด้วยสมุนไพรที่คัดมาเฉพาะ ใช้งานง่าย ไม่ต้องเสียเวลาเตรียมเลยค่ะ

• สมุนไพร B-Smooth มีส่วนประกอบของเหงือกปลาหมอ ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ ขันทองพยาบาท คงคาเดือด โกฐน้ำเต้า ที่จะช่วยบำรุงเลือด น้ำเหลือง ฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยรักษาผื่นลมพิษ ผื่นแดง ผื่นคัน ผื่นแพ้ผิวหนัง ลดอาการอักเสบและอาการแสบร้อนตามผิวหนัง ช่วยขับพิษร้อน ทำให้ความร้อนบริเวณผิวหนังลดลง ที่สำคัญทานง่ายเนื่องจากเป็นแบบเเคปซูลค่ะ

• ยาทาภายนอก B-Liz2 Oil มีส่วนประกอบของน้ำมันงา เทียนทั้งห้า เหงือกปลาหมอ ผิวมะกรูด การบูร ซึ่งเป็นสมุนไพรที่ช่วยให้ผื่นลมพิษยุบเร็วขึ้น ลดอาการบวม อักเสบ และลดผื่นแดงบริเวณผิวหนัง ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยบำรุงให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้นด้วยค่ะ หมอแนะนำมาก ๆ เลย

สำหรับการรักษาโรคผื่นลมพิษจะใช้เวลาในการปรับ ฟื้นฟูระบบน้ำเหลืองที่ประมาณ 2-6 เดือน ขึ้นอยู่กับความหนักเบาของอาการ รวมไปถึงการปฎิบัติตามคำแนะนำอย่างครบถ้วนนะคะ คำแนะนำที่หมออยากให้ทำควบคู่กับการรักษาไปด้วยคือ

เลี่ยงการทานสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดลมพิษ ได้แก่ อาหารหรือยาที่ทาน เช่น ถั่ว นม ไข่ อาหารทะเลมีเปลือกจำพวก กุ้ง ปู ยาปฏิชีวนะจำพวก Amoxycilline หรือ ยา NSAIDs

• เลี่ยงสิ่งที่สัมผัส เช่น พืชจำพวกตำแย หมามุ่ย แสงแดด อุณหภูมิที่ร้อนเกินไป การใช้เครื่องสำอางใหม่ หรือการสัมผัสไรสุนัข บุ้ง เป็นต้น

• เลี่ยงอาหารเเสลงจำพวก อาหารหมักดอง ปลาร้า ผลไม้ดอง กะปิ น้ำปลา เครื่องแกงต่าง ๆ เเละอาหารทะเล เนื่องจากรสเค็มจะเเสลงต่ออาการคัน ทำให้เกิดอาการคันมากขึ้น นอกจากนี้หมอเเนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดโดยเฉพาะรสเผ็ดจัดช่วงที่มีผื่นลมพิษ เพราะจะไปกระตุ้นธาตุไฟในร่างกาย ทำให้ผื่นเป็นมากกว่าเดิม

• เลี่ยงการแกะ เกาบริเวณผิวหนัง เพราะการแกะเกาจะยิ่งกระตุ้นให้ผื่นเป็นมากขึ้น ลามไปตามรอยเกาที่ผิวหนัง

• รักษาสภาพผิวหนังให้เเข็งเเรง ไม่ทำให้ผิวเเห้ง เช่น หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน หรือเเช่น้ำร้อนเกินไป การใช้ผลิตภัณฑ์ทาผิวหนังที่ทำให้ผิวชุ่มชื้น

• สวมเสื้อผ้าที่สบาย ไม่รัดแน่น จะช่วยลดการเสียดสีบนผิวหนัง บรรเทาอาการคันได้ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่เนื้อหยาบ เเข็ง หรือทำจากขนสัตว์เนื่องจากเสื้อผ้าเหล่านี้จะระคายเคืองต่อผิวหนัง

• อาบน้ำเย็น ในกรณีที่ลมพิษไม่ได้เกิดจากความเย็น การอาบน้ำเย็นจะช่วยบรรเทาอาการคันจากลมพิษได้ นอกจากนี้การประคบเย็นที่ผิวหนังครั้งละ 2-3 นาทีก็ช่วยบรรเทาอาการคันได้เช่นกัน หมอแนะนำให้ใช้เจลเย็นลดไข้หรือผ้าชุบน้ำเย็นเพื่อประคบเย็นค่ะ

• ดูแลสุขภาพให้เเข็งเเรง เนื่องจากสาเหตุของลมพิษส่วนหนึ่งเกิดจากโรคที่ภูมิคุ้มกัน การลดความเครียด ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ จะเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ให้สุขภาพแข็งเเรงในระยะยาว

• ใช้สมุนไพรที่หาง่าย สามารถนำมาใช้รักษาผื่นลมพิษได้ เช่น

- ว่านหางจระเข้ มีฤทธิ์เย็น ช่วยแก้คัน อักเสบ บวมแดง แก้ผดผื่นทั่วทั้งตัว วิธีเตรียมคือ ใช่ว่านหางจระเข้ที่ปอกเปลือกทำความสะอาดยางสีเหลืองออกแล้ว วางบริเวณที่มีผื่นลมพิษ 10-15 นาที

- เหง้าข่า มีสรรพคุณแก้โรคผิวหนัง แก้ผื่น แก้ลมพิษ แก้กากเกลื้อน วิธีเตรียมคือ ใช้ข่าแก่สด ฝานบาง ๆ แช่เหล้าประมาณ 5 นาที เเล้วทาบริเวณผื่นลมพิษ

- ใบสะระแหน่ มีสรรพคุณลดอาการคันตามผิวหนัง แก้ผื่นคันหรือลมพิษ วิธีเตรียมคือ ใช้ใบสดล้างให้สะอาด ตำหรือบี้เเล้วทาบริเวณผื่นลมพิษ

- ใบพลู สรรพคุณรักษาอาการผื่นคันเนื่องจากเกิดลมพิษ รักษาโรคผิวหนัง รักษาโรคกลากเกลื้อน วิธีเตรียมคือ นำใบพลูมาตำให้ละเอียด ผสมกับเหล้าขาว ใช้ทาบริเวณที่เป็นลมพิษ

การแก้โรคลมพิษไม่ใช่เเค่การรักษาอย่างเดียว เเต่ต้องปรับพฤติกรรมร่วมด้วย ทั้งนี้ต้องแก้ที่สาเหตุของโรคจริง ๆ เพราะผื่นลมพิษของเเต่ละคนก็เกิดจากความผิดปกติของแต่ละธาตุต่างกันไป การใช้ B-Smooth set เพื่อรักษาผื่นลมพิษป็นการรักษาเพื่อปรับให้ธาตุทั้ง 4 เข้าสู่สมดุล นอกจากนี้รักษากับปุณรดายาไทยจะช่วยค้นหาสาเหตุของโรคเพื่อแก้ไขอย่างตรงจุด ได้รับคำแนะนำเฉพาะบุคคลควบคู่ไปกับการรักษาด้วยค่ะ

ปุณรดายาไทยเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถปรึกษาปุณรดายาไทยได้นะคะ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ