ไข้ทับระดู คืออะไร กี่วันหาย?

วิธีดูแลสุขภาพตามหลักแพทย์แผนไทย

ไข้ทับระดู คืออะไร กี่วันหาย?

อาการตัวร้อน หรือเป็นไข้ระหว่างมีประจำเดือนเป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้หญิง บางคนเป็นจนเคยชิน รับประทานยาแก้ไข้เพื่อบรรเทาอาการในช่วงนั้น ๆ แต่อาจจะยังไม่เคยไปรักษาอาการที่ต้นเหตุ

 

วันนี้หมอจะมาเเนะนำให้รู้จักไข้ทับระดูกันว่าเป็นยังไง เป็นกี่วันถึงจะหาย เเละเเนะนำวิธีดูเเลตัวเองระหว่างมีอาการเหล่านี้ค่ะ 

 

ไข้ทับระดูคืออะไร 


ไข้ทับระดู คือ การเป็นระดูแล้วมีอาการป่วยไข้ตามมา เป็นอาการป่วยที่สามารถเกิดขึ้นได้ในผู้หญิง โดยจะเกิดขึ้นระหว่างมีประจำเดือน เนื่องจากช่วงมีประจำเดือนร่างกายของผู้หญิงจะอ่อนแอกว่าปกติ ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง อาจทำให้ป่วยได้ง่าย ในทางการแพทย์แผนไทยมองว่าการมีระดูเป็นการที่ร่างกายขับความร้อนออกไปกับเลือดประจำเดือน ทำให้สมดุลธาตุไฟในร่างกายผิดปกติไป หากพื้นฐานสุขภาพไม่แข็งแรงในช่วงนั้น ๆ อาจจะส่งผลให้เป็นไข้ได้ โดยทั่วไปไข้จะหายเองเมื่อระดูหมด นอกจากไข้ทับระดูแล้ว ในศาสตร์การแพทย์แผนไทย ยังมีโรคระดูทับไข้ โดยจะมีอาการป่วยไข้ก่อนแล้วมีระดูตามมา

 

ไข้ทับระดูอาจเทียบได้กับโรคตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย คือ โลหิตระดูอันเกิดแต่ขั้วดี คือ มีไข้ขณะมีประจำเดือน เเละมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เพ้อ นอนสะดุ้ง อาการจะกลับเป็นปกติเองเมื่อระดูหมด

 

นอกจากอาการตัวร้อนแล้ว ยังมีอาการอื่น ๆ ที่เป็นอาการร่วมของไข้ทับระดู 

 

อาการไข้ทับระดู

1. มีไข้ อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น 

2. รู้สึกอบอุ่นหรือร้อนเกินไป แม้ว่าอุณหภูมิโดยรอบจะปกติ 

3. เหงื่อออกมากขึ้น หรือเหงื่อออกตอนกลางคืน ซึ่งสัมพันธ์กับอาการไข้

4. รู้สึกเหนื่อยล้ามากกว่าปกติ เนื่องจากอาการไข้

5. รู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกาย ไม่สบายตัว หรืออาจมีอาการข้อร่วมด้วย

 

อาการต่าง ๆ เหล่านี้ สามารถบรรเทาอาการโดยการรับประทานยาลดไข้ เช่น ยาจันทหฤทัย ยาหอมอินทจักร์ แต่หากมีความผิดปกติอื่น ๆ เช่น  ไข้สูง (ทานยาแล้วไข้ไม่ลด) หนาวสั่น ปวดท้องน้อย ตกขาวผิดปกติ สีตกขาวเปลี่ยนไป มีเลือดออกทางช่องคลอดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ คลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ รู้สึกอ่อนเพลีย ปวดแสบขณะปัสสาวะ เป็นต้น อาการเหล่านี้อาจเกิดจากการติดเชื้อบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ส่วนบน ปีกมดลูก หรือ ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ หากมีอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์เพื่อทำการตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม จะได้รักษาอย่างทันท่วงทีค่ะ

 

ถึงแม้ไข้ทับระดูจะเป็นอาการที่หายไปเองได้เมื่อระดูหมดไป แต่อาการเหล่านี้ก็ส่งผลให้ไม่สบายตัว อ่อนเพลีย กระทบกับงาน หรือการใช้ชีวิตประจำวันได้ หากป้องกันไม่ให้เกิดไข้ขณะเป็นประจำเดือนได้ก็จะช่วยให้สบายตัวขึ้น หมอมีวิธีดูเเลตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นไข้ทับระดูมาฝากค่ะ


 

สาเหตุการเกิดไข้ทับระดู


อาการไข้ทับระดูยังไม่พบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร สาเหตุที่คาดว่าจะทำให้เกิดอาการไข้ทับระดู มีดังนี้

1. ร่างกายเสียสมดุลฮอร์โมน คือ การที่ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และ ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ในร่างกายแปรปรวน

2. การเกิดกระบวนการอักเสบในร่างกาย คือ การที่เยื่อบุโพรงมดลูกผลิตสารโพรสทาแกลนดิน (Prostaglandin) ซึ่งเป็นสารที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อเนื้อเยื่อเกิดการอักเสบ เพื่อตอบสนองต่อการอักเสบในร่างกาย

3. เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (endometriosis) อาจเรียกว่าช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) หรือ ถุงน้ำช็อกโกแลต เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญนอกมดลูก เช่น อุ้งเชิงกราน ลำไส้ ช่องท้อง พบมากในรังไข่ เนื่องจากประจำเดือนบางส่วนไม่ไหลออกมาตามปกติ คือ ไหลย้อนกลับขึ้นไปบริเวณต่าง ๆ เมื่อเยื่อบุโพรงมดลูกไปอยู่ที่รังไข่และปล่อยเลือดออกมาแต่รังไข่ไม่มีทางออกของเลือด จึงเกิดการสะสมของเลือดขึ้นทีละนิดกลายเป็นถุงน้ำ ส่งผลให้เกิดการอักเสบและปวดอุ้งเชิงกราน และอาจทำให้เกิดไข้ได้

4. การรักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นไม่ดีพอ ส่งผลให้ท่อทางเดินปัสสาวะติดเชื้อ และเกิดอาการไข้

5. การติดเชื้ออื่น ๆ ระหว่างมีประจำเดือน เช่น ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) COVID-19 ปอดบวม (Pneumonia) ไข้เลือดออก (Dengue Virus) เป็นต้น เชื้อเหล่านี้อาจได้รับมาจากคนรอบข้าง หากได้รับเชื้อในช่วงมีระดู อาจทำให้เกิดอาการไข้ทับระดูได้

6. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น 

• โรคกระดูกเชิงกรานอักเสบ (PID) ทำให้เกิดการติดเชื้อบริเวณระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ส่งผลให้มีไข้ หนาวสั่น ปวดประจำเดือน ปวดแสบขณะปัสสาวะได้ 

• ซิฟิลิส เป็นการติดเชื้อแบคทีเรีย อาจทำให้เกิดอาการได้หลายอย่าง รวมถึงมีไข้ โดยเฉพาะในระยะแรก

• เอดส์หรือไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่องของมนุษย์ (HIV) อาจทำให้เกิดอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ รวมถึงไข้ ในระยะแรกของการติดเชื้อ

 

วิธีการดูแลตัวเองไม่ให้เป็นไข้ทับระดู สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้


1. พักผ่อนให้เพียงพอ การพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำลง มีโอกาสเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น ดังนั้นจึงควรพักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับอย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง

2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น เสริมสร้างให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรง เเนะนำให้ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio workout) เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เดินเร็ว เเละสร้างกล้ามเนื้อ (Weight training) รวม 150 - 300 นาทีต่อสัปดาห์

3. รับประทานอาหารที่ครบ 5 หมู่ จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย

4. ดูแลความสะอาดในช่วงมีประจำเดือนเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญมาก เพราะหากดูแลเรื่องความสะอาดระหว่างมีประจำเดือนไม่ดีพอ อาจทำให้การติดเชื้อได้ง่าย

5. งดการมีเพศสัมพันธุ์ในช่วงที่มีประจำเดือน การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างมีประจำเดือน อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อได้

6. งดอาหารเผ็ดร้อน เนื่องจากอาหารเผ็ดร้อนจะกระตุ้นให้เกิดไข้ ตัวร้อนได้ง่าย

7. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ เนื่องจากจะกระตุ้นการอักเสบในร่างกาย ทำให้เสี่ยงเกิดไข้ได้

 

หากลองทำวิธีเหล่านี้แล้วยังมีอาการไข้ทับระดู หมอแนะนำให้ใช้ยาสมุนไพรในการรักษา คือ ยาจันทหฤทัย (เจ ฟิลแล็ค)  เป็นตำรับยาที่ช่วยปรับสมดุลธาตุไฟ มีฤทธิ์สุขุมเย็น ไม่เย็นจนมีปัญหากับประจำเดือน ลดความร้อนในร่างกายใช้ได้ดีในไข้ทับระดู รับประทานครั้งละ 2-3 แคปซูล ทุกๆ 3-4 ชั่วโมง แต่หากรับประทานเกิน 3 วันเเล้วอาการไม่ดีขึ้น เเนะนำให้ปรึกษาแพทย์ค่ะ นอกจากนี้ตำรับยาที่ช่วยลดไข้ ยังมียาที่ช่วยบรรเทาผลข้างเคียงจากการมีประจำเดือน คือ อาการเลือดลมไม่ไหลเวียน อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว สามารถปรับใช้ยาหอมอินทจักร์เพื่อลดภาวะอาการเหล่านี้ได้เลยนะคะ นอกจากการใช้ยาเเล้ว ผู้ที่มีอาการไข้ทับระดูควรดูแลตัวเอง เพื่อให้อาการหายเร็วขึ้นเเละไม่เป็นหนักกว่าเดิม 

 

ยาแก้ไข้ทับระดู

 

วิธีการดูแลตัวเองเมื่อเป็นไข้ทับระดู


1.เช็ดตัวเพื่อลดความร้อนในร่างกาย การเช็ดตัวด้วยน้ำอุณหภูมิห้องหรือน้ำเย็น เป็นการช่วยลดไข้ได้ดี ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำในช่วงที่ไข้ขึ้นเนื่องจากจะทำให้รูขุมขนปิด ร่างกายจะระบายความร้อนไม่ได้ ทำให้ไข้ขึ้นหนักกว่าเดิม

2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผักและผลไม้สด ที่ประกอบไปด้วยวิตามินซี ใยอาหาร จะช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย เลือกเนื้อสัตว์ที่มีไขมันน้อย เช่น ไก่ ปลา เพราะโปรตีนจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อเเละส่วนที่สึกหรอ

3. ดื่มน้ำเปล่าเพิ่มขึ้น ให้ได้ 1.5-2 ลิตร เนื่องจากน้ำเปล่าจะช่วยลดความร้อนในร่างกาย และการปัสสาวะบ่อยจะช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายได้เร็วขึ้น

4. รักษาความสะอาด โดยเฉพาะบริเวณจุดซ่อนเร้น เนื่องจากจะทำให้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้การล้างมือบ่อยๆ เป็นการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อให้แก่ผู้อื่นเเละป้องกันการติดเชื้อจากผู้อื่นอีกด้วย เพราะผู้ที่เป็นไข้มีภูมิคุ้มกันที่ต่ำ จะติดเชื้อได้ง่าย

5. ไม่ใช้ร่างกายหนัก เช่น เล่นกีฬา ยกของหนัก ทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องตากแดด เนื่องจากเมื่อเป็นไข้ร่างกายจะอ่อนแอกว่าปกติ ควรนอนหลับพักผ่อนเพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน เเละให้ร่างกายฟื้นตัวได้ไวขึ้น

6. หลีกเลี่ยงทาโลชัน ครีม แป้งต่าง ๆ บริเวณผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณขาหนีบ รักแร้ เนื่องจากเป็นจุดที่ร่างกายใช้ระบายความร้อน หากทาครีมหรือโลชั่นจะปิดรูขุมขน ทำให้ร่างกายระบายความร้อนได้ไม่ดี ไข้จะหายช้าลง

7. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารย่อยยากโดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ของทอด นม เนย กะทิ ถั่ว จะทำให้ร่างกายเสียพลังงานไปกับการย่อยอาหาร ทำให้อ่อนเพลียมากขึ้น จะทำให้ไข้กำเริบมากขึ้นได้

8. หลีกเลี่ยงอาหารรัสจัด ได้แก่ เผ็ด เปรี้ยว เค็ม เนื่องจากจะทำให้ร่างกายเก็บกักน้ำไว้ ปัสสาวะน้อย ความร้อนในร่างกายจะสูงขึ้น

9. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะทำให้ร่างกายมีความร้อนมากขึ้น ส่งผลให้ไข้ขึ้นมากกว่าเดิมได้

 

หากผู้อ่านท่านใดมีอาการไข้ทับระดู เเล้วทำตามข้อปฏิบัติที่หมอเเนะนำเเล้วยังไม่ดีขึ้น หรือกังวลใจสามารถทักมาปรึกษาปุณรดาได้เลยค่ะ 

 

ปุณรดายาไทยเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถปรึกษาปุณรดายาไทยได้นะคะ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ

 

 

สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 02-1147027


ทีมแพทย์แผนไทยปุณรดา

สุรดา เลิศเกศราธรรม

ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร

"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"

พท.ป.เอกพล ศิริพงษ์เวคิน

แพทย์แผนไทยประยุกต์

" ใส่ใจทุกความต้องการ ดูแลเหมือนคนในครอบครัว "

นศ.พท.ป. สุพัชชา พรมน้ำ

แพทย์แผนไทย

" ความมั่งคั่งที่แท้จริง จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรามีสุขภาพกายและใจที่ดี สมดุล แข็งแรง "


ปุณรดา ยาไทย
แพทย์แผนไทยที่อยู่ใกล้คุณที่สุด

ท่านจะได้รับทราบโปรโมชั่นพิเศษก่อนใครทาง LINE@ พร้อมบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์แบบส่วนตัวฟรี ทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.

ข้อความถึงร้าน


× คุณได้เพิ่มสนค้าลงตะกร้า ดูสินค้าในตะกร้า