บอกลาผิวแห้งในผู้สูงอายุ ด้วยสุดยอดผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นจากธรรมชาติ
ผิวแห้ง คือ ภาวะที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในผู้สูงอายุ แต่จะทำยังไงให้ผิวแห้งไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่รบกวนการนอน และไม่ส่งผลต่อบุคคลิกภาพ เจาะลึกวิธีเปลี่ยนผิวแห้งให้ชุ่มชื้น พร้อมลดอาการแห้งกร้านของผิวให้น้อยลง โดยใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ทำเองที่บ้านได้ ปลอดภัย ไร้สารเคมี วันนี้หมอป๊อปมีคำตอบค่ะ
ปัญหาผิวแห้ง เป็นปัญหาที่สามารถพบเจอได้ในทุกช่วงวัย แต่จะพบได้มากที่สุดในผู้สูงอายุ เพราะเมื่ออายุมากขึ้นความสามารถในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ทดแทนเซลล์ผิวเก่าจะลดลง วงจรการผลัดเซลล์ผิวจะนานขึ้น โดยปกติจะเฉลี่ยอยู่ที่ 28 วัน แต่ในผู้สูงอายุจะใช้เวลานานถึง 90 วัน ความสามารถในการกักเก็บน้ำไว้ที่ผิวหนังลดลง เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินบางลง ผิวขาดความยืดหยุ่น ทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่น ผิวบางลง ยิ่งถ้าผู้ใหญ่ท่านใดเคยผ่านการใช้ยาที่มีสารสเตียรอยด์ผสมต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน พออายุมากขึ้นปัญหาผิวที่เคยถูกกดอาการไว้ก็จะปรากฏชัดเจนและแสดงอาการมากยิ่งขึ้น ต่อมเหงื่อและต่อมไขมันทำงานลดลง ทำให้ผิวหนังในผู้สูงอายุมีลักษณะแห้งและหยาบกระด้างขึ้นค่ะ
นอกจากอายุที่มากขึ้นจะมีผลต่ออาการผิวแห้งแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ทำให้ผิวแห้งมากยิ่งขึ้นได้ โดยปัจจัยที่ทำให้ผิวแห้ง สามารถแบ่งออกเป็นปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน ดังนี้ค่ะ
ปัญหาผิวแห้งเกิดได้จากปัจจัยหลายอย่างทั้งภายนอก และ ปัจจัยจากภายในดังนี้ค่ะ
ปัจจัยภายนอก ได้แก่
• สภาพอากาศ โดยเฉพาะฤดูหนาว อากาศเย็น หรือ การอยู่ในห้องแอร์เป็นประจำ เนื่องจากมีความชื้นในอากาศน้อย ทำให้ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื่น
• แสงแดด เนื่องจากมีรังสี UVA UVB ที่สามารถทำลายชั้นผิวหนังได้ ทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ ผิวแห้งกร้าน
• การอาบน้ำบ่อยๆ เนื่องจากทำให้ชั้นไขมันที่เคลือบผิวถูกทำลาย ส่งผลให้ผิวแห้ง
• การสัมผัสสารที่มีความเป็นกรดด่าง เช่น สบู่ที่มีความเป็นด่าง หรือ ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ ทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง แห้ง คัน
• การสวมใส่เสื้อผ้าที่มีความหยาบกระด้าง เนื่องจากมีการเสียดสี ทำให้ผิวหนังแห้งและอักเสบ
ปัจจัยภายใน ได้แก่
• อายุที่มากขึ้น หรือ ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากเซลล์ผิวมีการเสื่อมลงตามวัย
• การขาดวิตามินเอ วิตามินอี วิตามินซี และ วิตามินบีรวม เนื่องจากวิตามินเหล่านี้มีส่วนช่วยบำรุงผิว เพิ่มความชุ่มชื้น ลดอาการผิวแห้งกร้าน
• การทานอาหารที่มีไขมันดีน้อย ทำให้ผิวหนังแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น จากการได้รับสารอาหารที่ช่วยบำรุงผิวไม่เพียงพอ
• การดื่มน้ำน้อย ทำให้ร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ ส่งผลให้ผิวหนังแห้ง ขาดความชุ่มชื่น
• ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสมดุลน้ำในร่างกาย หรือ มีการขับน้ำออกมากกว่าปกติ เช่น ผู้ป่วยโรคไต ผู้ที่ขาดฮอร์โมนไทรอยด์ หรือผู้ที่ใช้ยาขับปัสสาวะ กรดวิตามินเอ เป็นต้น
หมอแนะนำให้พยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นอาการ เพื่อชะลอความเสื่อมของผิวหนัง รวมถึงป้องกันภาวะผิวแห้ง คัน ระคายเคืองนะคะ
เนื่องจากผิวแห้งและอาการคันเป็นของคู่กัน อาการคันมักจะเกิดร่วมกับผิวแห้งเสมอ เพราะผู้ที่มีผิวแห้งจะมีปริมาณของตัวรับสัญญาณความรู้สึกของผิว (Sensitive Receptor) มากกว่าคนปกติ หรือผิวไวต่อปัจจัยกระตุ้นมากเป็นพิเศษ หากมีปัจจัยกระตุ้นภายนอกมาสัมผัสกับผิว ตัวรับสัญญาณความรู้สึกของผิวจะส่งกระแสประสาทระหว่างเซลล์อย่างรวดเร็ว ทำให้เรารู้สึกคันยุบยิบ ระคายเคือง ไม่สบายผิวจากการส่งกระแสประสาทที่รวดเร็วผิดปกตินี้ได้ค่ะ
หากปล่อยให้ผิวแห้งต่อไป ปัญหาที่อาจจะตามมาไม่ใช่ผิวที่ไม่สวย หรือ เหี่ยวย่น แต่ปัญหาอื่นๆที่จะตามมามีดังนี้
1. โรคภูมิแพ้ผิวหนัง เนื่องจากเมื่อผิวแห้ง แตก เป็นขุย จะทำให้เกิดอาการคัน แดง อักเสบที่ผิวได้ง่าย เมื่อเป็นบ่อย เป็นเรื้อรัง จากผิวแห้งธรรมดาจะกลายเป็นภูมิแพ้ผิวหนังได้ค่ะ
2. โรคสะเก็ดเงิน เนื่องจากสะเก็ดเงินมักเริ่มต้นเป็นจากอาการผิวแห้ง เป็นขุย มีการอักเสบที่ผิวเรื้อรังหรือเป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนังเรื้อรัง จนภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ และกลายเป็นโรคสะเก็ดค่ะ
3. ปัญหานอนไม่หลับ หลับไม่สนิท เนื่องจากเมื่อผิวแห้งมักทำให้เกิดอาการคัน จึงส่งผลต่อการนอน เมื่อเรานอนไม่หลับ หลับไม่สนิท จะทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอลง ส่งผลให้เจ็บป่วยได้ง่าย ติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนทั่วไปค่ะ
พอรู้แบบนี้แล้ว คงไม่มีใครอยากให้ผิวแห้งจนเกิดปัญหาหรือเกิดโรคอื่นๆตามมาใช่ไหมคะ หลายๆท่านพออ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงรีบหยิบ ครีม โลชั่น บอดีออยล์ มาทาผิวกันในทันที แต่ท่านผู้อ่านทราบหรือไม่คะ ว่าผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว รวมถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวและปกป้องผิวแบบไหนบ้าง ? ผลิตภัณฑ์ที่ท่านผู้อ่านกำลังใช้อยู่ เหมาะกับคนผิวแห้งจริงๆหรือไม่ มาลองเช็คกันอีกครั้งก่อนนะคะ
วันนี้หมอได้รวบรวมลักษณะผลิตภัณฑ์ที่ควรใช้มาฝากท่านผู้อ่านเรียบร้อยแล้วค่ะ
สำหรับคนที่มีผิวแห้ง หมอแนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีลักษณะ 4 ข้อดังนี้นะคะ
1. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีค่าความเป็นด่างน้อย pH ประมาณ 5 และ มีสารเพิ่มความชุ่มชื้นผิว ไม่มีสารลดแรงตึงผิว (surfactant) เพราะความสมดุลความเป็นกรด-ด่างของผิวอยู่ที่ค่าประมาณ 4.7-5.75 เมื่อเราเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH ใกล้เคียงกับผิวจะช่วยรักษาสภาพผิว ป้องกันการแพ้และช่วยลดความแห้งของผิวให้น้อยลงได้
2. ลักษณะเนื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่คงความชุ่มชื้นได้ยาวนาน เช่น ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในรูปแบบของครีม หรือ น้ำมันทาผิว
3. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวและบำรุงผิวที่ได้รับการรับรองว่ามีความเสี่ยงในการก่อให้เกิดการแพ้ต่ำ (Hypo-allergnic) ปราศจากแอลกอฮอล์ สารกันเสียพาราเบน น้ำหอม Mineral oil (น้ำมันจากปิโตรเคมี) สารลดแรงตึงผิว SLS เป็นต้น ข้อดี คือ ทำให้มั่นใจได้ว่าใช้แล้วปลอดภัย โอกาสในการแพ้ต่ำ ใช้ได้กับทุกสภาพผิว อ่อนโยนต่อผิว ไม่ระคายเคืองผิว ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ Hypo-allergnic เช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวและบำรุงผิวที่มีส่วนผสมหรือสารสกัดจากธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีสังเคราะห์ เพราะหากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารสังเคราะห์ หรือ น้ำหอม จะเสี่ยงต่อการแพ้ทางผิวหนัง ทำให้เกิดการระคายเคืองผิว ผิวอักเสบ แห้ง ลอก แดง คันตามผิวหนังมากยิ่งขึ้น
4. เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF (Sun Protection Factor) อย่างน้อย 15-30 เท่า (เราจะสามารถทนแดดได้นานถึง 15-30 เท่าของระยะเวลาเดิมที่เราเคยทนได้ หลังจากนั้นจึงจะเกิดผิวไหม้แดด ดำคล้ำ) แต่ถ้าเป็นการออกแดดตลอดวัน ควรใช้ครีมกันแดดที่ค่า SPF 50++ ขึ้นไป เพราะค่า SPF ที่สูง จะสามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีบีได้ดีกว่าและยาวนานกว่า กรณีว่ายน้ำหรือเล่นน้ำควรเลือกผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดชนิดกันน้ำด้วย
เมื่อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ตาม 4 ข้อนี้ จะช่วยให้ผิวที่แห้งกร้านค่อยๆกลับมาชุ่มชื้น รวมถึงช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว ลดโอกาสการเกิดผิวแห้งในอนาคตได้ด้วยค่ะ
นอกจากการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดอาการผิวแห้ง พร้อมบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นจากภายนอกแล้ว การดื่มน้ำให้เพียงพอระหว่างวัน และ การรับประทานอาหารที่มีวิตามินเอ อี ซี บีรวม และ ไขมันดีเป็นส่วนประกอบ ก็ไม่ควรละเลย เพราะในผู้สูงอายุ จะมีความกระหายน้ำลดลง ทำให้ไม่ค่อยได้จิบ หรือ ดื่มน้ำ หรือ บางท่านชอบดื่มน้ำชามากกว่าน้ำเปล่า ก็ส่งผลทำให้น้ำในร่างกายไม่เพียงพอ ทำให้น้ำในเซลล์ผิวน้อยลง ความชุ่มชื้นในชั้นผิวก็ลดลง รวมไปถึงการขาดสารอาหารที่ดี มีประโยชน์ ก็ส่งผลให้ผิวแห้งจากภายในได้เช่นกัน
ในส่วนของการดื่มน้ำให้เพียงพอ หมอแนะนำให้ดื่มน้ำให้ได้ 5% ของน้ำหนักตัว(สำหรับคนที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคไต ไม่มีอาการบวมน้ำ) เช่น น้ำหนัก 50 กิโลกรัม คำนวนได้เป็น 50 คูณ 5 = 250 หาร 100 เท่ากับ 2.5 ลิตรค่ะ
วิธีสังเกตว่าดื่มน้ำเพียงพอแล้ว คือ ทุกครั้งที่ปัสสาวะ สีปัสสาวะ(สีฉี่)จะเป็นสีใส ไม่เหลือง สีปัสสาวะที่ใสจะเป็นตัวบ่งบอกว่าดื่มน้ำเพียงพอแล้วค่ะ
ในส่วนของอาหารที่มีไขมันดีที่หมอแนะนำให้ทานเพื่อบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นจากภายในสู่ภายนอก ได้แก่
• น้ำมันมะกอก แนะนำใช้น้ำมันมะกอกปริมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ เพื่อปรุงอาหารประเภทผัด ใช้ทำสเต็ก ราดบนสลัด หรือใช้เป็นส่วนผสมในการทำน้ำสลัด
• อะโวคาโด แนะนำใช้เป็นส่วนประกอบในการทำอาหารหรือเครื่องดื่ม ไม่เกิน 1 ผลต่อวัน
• เมล็ดเจีย แนะนำให้นำมาบดละเอียดก่อนทาน ใช้ปริมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ เป็นส่วนประกอบในการทำอาหาร โรยบนอาหาร หรือผสมในเครื่องดื่ม
• ปลาแซลมอน ปลาทู ปลาซาร์ดีน ปลาต่างๆ แนะนำทานเป็นเมนูอาหารแบบปรุงสุกปริมาณ 200 กรัมต่อสัปดาห์
• ถั่ววอลนัต แนะนำทานไม่เกินวันละ 1 กำมือค่ะ
การบำรุงผิวจากภายใน สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ วิตามิน ซึ่งวิตามินเอ อี ซี มักมีอยู่ในผักและผลไม้ ส่วนวิตามินบีรวมมักมีอยู่ในเนื้อสัตว์ ธัญพืช
• วิตามินอี ช่วยลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว ลดรอยแผลเป็นและจุดด่างดำ ปกป้องผิวจากมลภาวะและแสงแดด อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอี ได้แก่ น้ำมันมะกอก มะม่วง อะโวคาโด กล้วย และ กีวี่
• วิตามินเอ ช่วยบำรุงผิวให้เปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ ได้แก่ ผัก ผลไม้มีสีเหลือง สีส้ม สีเขียว เช่น ข้าวโพด แครอท ผักโขม ตำลึง ฟักทอง คะน้า มะละกอ มะม่วง แคนตาลูป
• วิตามินซี ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ช่วยสร้างคอลลาเจนให้ผิว ซึ่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ได้แก่ ส้ม ฝรั่ง องุ่น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มะขามป้อม มะนาว มะละกอ อะโวคาโด พริกหวาน ปวยเล้ง บล็อกโคลี คะน้า
• วิตามินบีรวม ช่วยเพิ่มคอลลาเจนให้แก่ผิว ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว และช่วยป้องกันผิวแห้งลอก ริมฝีปากแห้งเป็นขุย อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบีรวม ได้แก่ อาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ปลา ธัญพืช ข้าวกล้อง อะโวคาโด น้ำมันมะกอก
- ปริมาณผักผลไม้ที่ควรทานต่อวัน เท่ากับ 6 ทัพพี หรือ 400 กรัมต่อวัน
- ปริมาณโปรตีนจากพืชและสัตว์ที่ควรทานต่อวัน ในคนทั่วไปต้องการโปรตีน 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน เช่น น้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม ควรทานโปรตีน 50 กรัมต่อวัน
เนื่องจากอาการผิวแห้งเกิดได้ทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายใน ดังนั้นเราจึงควรฟื้นฟูและบำรุงผิวที่แห้ง กร้าน ขาดน้ำ จากทั้งภายนอกและภายในควบคู่กัน หากทำเพียงอย่างใดอย่างนึงอาจทำให้เห็นผลช้าหรือได้ประสิทธิภาพน้อย หมอแนะนำลองทำควบคู่กันอย่างต่อเนื่อง จะเห็นผลชัดเจนและรวดเร็วขึ้นค่ะ
หมอเจอเคสคนไข้ที่มีอาการผิวแห้งเยอะมาก โดยเฉพาะวัย 40 ปีขึ้นไป มักจะมีอาการคันร่วมด้วย อีกทั้งพบว่ามีปัญหาโรคผิวหนังอื่น ๆ ตามมา เพราะปล่อยไว้เรื้อรัง ไม่ได้ใส่ใจเท่าที่ควร เนื่องจากคิดว่าเป็นภาวะผิวแห้งธรรมดา ทำให้บางครั้งก็มีผื่นขึ้น หรือคันมากเวลากลางคืน ตอนอยู่ในห้องแอร์ อาการเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องปรับสมดุลทั้งภายในและภายนอก รักษาที่ต้นเหตุ ขั้นแรกคือต้องหาสาเหตุการเกิดก่อนว่า คนไข้ที่มารักษามีภาวะปัจจัยใดบ้างที่กระทบ และขั้นที่สองคือการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวร่วมด้วย ผู้ที่มีปัญหาผื่นคันจะต้องทานยารักษา ปรับระบบจากภายในควบคู่ด้วยนะคะ
ขั้นแรก
การหาสาเหตุ คนไข้จำเป็นต้องสังเกตตัวเองร่วมด้วยในระหว่างการรักษา หรือถ้าเตรียมตัวก่อนรักษาได้จะดีมากเลยค่ะ จะทำให้เราสามารถที่จะแก้อาการได้ตรงจุด สิ่งที่เราต้องสังเกตคือ
• ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวและบำรุงผิวมีอะไรบ้าง มีส่วนประกอบที่ทำให้ผิวแห้งตึง มีความด่างสูง หรือมีค่า pH ที่มากเกินไปหรือเปล่า
• ผิวแห้งบริเวณไหนบ้าง บางคนมีผิวแห้งเฉพาะจุด มักเป็นตามโซนที่มีต่อมไขมันน้อย และกระทบกับสภาพแวดล้อมได้ง่าย
• มีอาการร่วมด้วย เช่น คัน มีผื่นขึ้น มีอาการแดงที่ผิว ผิวแตก ลอกเป็นขุยบ้างหรือไม่
• ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเวลาไหน ใช้หลังอาบน้ำทันทีไหม มีใช้ระหว่างวันด้วยไหม
• มีพฤติกรรมที่กระตุ้นอาหารหรือไม่ เช่น เหงื่อออกแล้วคัน ชอบเกาบริเวณที่ผิวแห้ง ไม่ค่อยได้บำรุงผิว อยู่ในที่อากาศเย็นเป็นประจำ ชอบทานอาหารรสเปรี้ยวจัด ดื่มน้ำน้อย เป็นต้น
• อายุเท่าไหร่ หากเป็นผู้หญิง อยู่ในวัยใกล้หมดประจำเดือนหรือยัง
ปัจจัยเหล่านี้จำเป็นมากสำหรับการแก้ภาวะผิวแห้ง ถ้าเราทราบรายละเอียดอาการ และสังเกตอาการตัวเองได้มากแค่ไหน การรักษาก็จะทำได้ตรงจุดมากขึ้น
ขั้นที่สอง
การรักษาอาการผิวแห้งจากภายนอก หมอจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ให้ความชุ่มชื้นกับผิว 2 ชนิดเป็นหลัก ได้แก่ Derpa derma shower oil milk และ น้ำมันบำรุงผิว Shina oil ผลิตภัณฑ์สำหรับรักษาอาการผิวแห้งโดยเฉพาะ สกัดจากธรรมชาติ ไร้สารเคมี โดยมีสรรพคุณดังนี้
มีส่วนประกอบของ สารสกัดจาก White lilly, Coconut oil, Natural oil และอื่นๆ
สรรพคุณ
• ช่วยให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื่น ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิว ยับยั้งการก่อตัวของเมลานิน ช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวพรรณกระจ่างใส
• ช่วยลดอาการแห้ง ลดอาการคัน รักษาโรคผิวหนัง
• ช่วยซ่อมแซมและดูแลผิวอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับบำรุง และฟื้นฟูผิวที่แห้งกร้าน ผิวแพ้ง่าย ลดการอักเสบของผิว ช่วยลดริ้วรอย
มีส่วนประกอบของ น้ำมันสวีทอัลมอนด์, น้ำมันเมล็ดองุ่น, น้ำมันส้มโอออร์แกนิค, น้ำมันสกัดจากผลเบอกามอท, น้ำมันหอมระเหยโรสแมรี่, น้ำมันหอมระเหยไซเปรส และอื่นๆ
สรรพคุณ
• กักเก็บความชุ่มชื้น คืนความสมดุล กระตุ้นการไหลเวียนเลือดในผิว ชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ นุ่ม น่าสัมผัส
• ช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งกร้าน แตก ลอกเป็นขุย ให้กลับมาชุ่มชื้น เรียบเนียน
• ช่วยลดอาการคัน ระคายเคือง และช่วยสมานแผลที่เกิดจากการเกา หรือ การเสียดสี หรืออาการแพ้ที่ผิวหนัง
• ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา เชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการผิวหนังอักเสบ
• ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ช่วยลดความเครียด คลายกังวล ปรับสมดุลของอารมณ์ด้วยกลิ่นจากน้ำมันอโรม่าธรรมชาติ
คำแนะนำในการใช้ ควรใช้ทันทีหลังอาบน้ำเสร็จ เช็ดผิวให้พอหมาดและมีความชื้นอยู่ การทาออยล์ช่วงนี้จะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น แล้วซึมซาบสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ
เนื่องจากผิวแห้งพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ดังนั้นการดูแลผิวหนังในช่วงอายุที่มากขึ้นจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการมีสุขภาพผิวที่ดี จะช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอาการคัน ผื่นแพ้ ที่รบกวนการนอนหลับและยังทำให้เรามีรูปลักษณ์ที่ดูอ่อนเยาว์และสดใสมากขึ้นได้ค่ะ
ยิ่งอายุมากขึ้นเรายิ่งต้องดูแลสุขภาพผิวเป็นอย่างดี หมออยากเชิญชวนท่านผู้อ่านทุกท่านมาเปลี่ยนผิวแห้งให้กลับชุ่มชื้นและดูอ่อนเยาว์ด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติกันค่ะ เมื่อใช้ต่อเนื่องเป็นประจำร่วมกับฟื้นฟูและบำรุงผิวจากทั้งภายนอกและภายในควบคู่กัน หมอรับรองได้ว่าผิวหนังที่แห้ง แตก เป็นขุย จะค่อยๆกลับมามีความชุ่มชื้น อิ่มน้ำ แลดูสุขภาพดีอย่างแน่นอนค่ะ
ปุณรดายาไทยมีผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรและทีมแพทย์แผนไทยที่มีประสบการณ์ยินดีให้คำปรึกษาสำหรับการใช้สมุนไพรรักษาอาการผิวแห้งโดยเฉพาะค่ะ
เมื่อไหร่ที่คุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ และต้องการทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งมากขึ้นด้วยศาสตร์ธรรมชาติ ที่นำเอาการแพทย์แผนไทยมาประยุกต์ใช้ นึกถึงปุณรดายาไทยนะคะ เพราะเราคือ “แพทย์แผนไทยที่อยู่ใกล้คุณที่สุด”
#ปุณรดายาไทย #ปุณรดายาไทยแพทย์แผนไทยที่ใกล้คุณที่สุด
#เปลี่ยนผิวแห้งให้ชุ่มชื้น #อาการผิวแห้ง #รักษาผิวแห้ง #เวชสำอางค์สำหรับผู้สูงอายุ
ปุณรดายาไทยเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถปรึกษาปุณรดายาไทยได้นะคะ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 02-1147027
ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร
"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"
แพทย์แผนไทย
" ความมั่งคั่งที่แท้จริง จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรามีสุขภาพกายและใจที่ดี สมดุล แข็งแรง "