ฝีคัณฑสูตร เป็น ชื่อฝีชนิดหนึ่ง มักเป็นที่บริเวณขอบทวารหนักจึง เรียกอีกชื่อนึงว่า “ฝีขอบก้น” ฝีชนิดนี้เกิดจาก ต่อมข้างทวารหนัก (Anal Gland) อักเสบเรื้อรัง ต่อมข้างทวารหนักที่ว่านี้ที่มีหน้าที่ผลิตเมือกบริเวณรอบทวารหนัก เกิดการอุดตัน ติดเชื้อแบคทีเรียในอุจจาระจนเกิดการอักเสบ ซึ่งอาจจะอักเสบเพียงต่อมเดียวจากทั้งหมดก็ได้
โดยการอักเสบของต่อมเมือกนี้ เกิดจากการมี เศษอุจจาระ แบคทีเรีย หรือของเสียไปสะสมจนอุดตัน ต่อมเมือกข้างทวารหนัก จนในที่สุดเกิดการอักเสบและกลายเป็นหนอง
หนองที่เกิดขึ้นสามารถกัดเซาะไปตามจุดต่าง ๆ อาทิ กล้ามเนื้อหูรูด จนทะลุชั้นของผิวหนังที่อยู่ระหว่างช่องในทวารหนักกับผิวหนังด้านนอก จึงทำให้เกิด ฝีคัณฑสูตร ตำแหน่งของฝีจะอยู่รอบทวารหนักทะลุไปข้างก้นข้างใน
ฝีคัณฑสูตร รุนแรงและอันตรายกว่าริดสีดวง เพราะเกิดจากการติดเชื้อ หากไม่รีบรักษาจะเป็นอันตรายกับระบบเลือดและน้ำเหลือง แต่ริดสีดวงหากคุณเป็นระยะเริ่มต้น คุณสามารถหายเองได้เลย เพียงแค่คุณถ่ายดี ไม่ท้องผูกหรือท้องเสีย แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณเป็นริดสีดวงแต่จริง ๆ แล้วคุณเป็นฝีคัณฑสูตร ทิ้งไว้อาการจะมีแต่แย่ลง ปวดมากขึ้น เจ็บมากขึ้น ลามมากขึ้น ยิ่งรักษายาก และยิ่ง อันตรายถึงขั้นเป็นมะเร็งทวารหนักได้
เป็นระยะที่คนไข้เริ่มรู้สึกตัวว่ามีอาการผิดปกติ ส่วนใหญ่มักพบเจอโดยไม่รู้ตัว เช่น ตอนอาบน้ำคลำเจอแล้วรู้สึกเจ็บ ๆ ที่คนส่วนใหญ่คิดว่าตัวเองเริ่มเป็น “ริดสีดวง” เช็คดูดี ๆ ก่อนนะว่าคุณเป็นอะไรกันแน่ อาการระยะแรกของฝีคัณฑสูตร มีดังนี้
เป็นระยะที่เริ่มทำให้การใช้ชีวิตประจำวันมีความลำบากยุ่งยาก และรู้สึกกวนใจอยู่ตลอดเวลา แต่ยังพอทนไหว
เป็นระยะที่ไม่สามารถทำอะไรได้เป็นปกติ อาการรุนแรงจนต้องพัก ไม่สามารถทำงานได้ จนเริ่มคิดว่าตัวเองต้องไปผ่าตัดแล้วแน่ ๆ ทุกอาการในระยะที่ 2 รุนแรงขึ้น กินยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อไม่ช่วยอะไร
ที่ทำให้ร่างกายติดเชื้อได้ง่าย เช่น นอนน้อย ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ กินอาหารไม่ครบ 5 หมู่ กินอาหารแปรรูป กินอาหารแช่แข็ง อาหารเหล่านี้สารอาหารแทบไม่เหลือแล้ว ทำให้ร่างกายไม่ได้รับสารอาหาร ทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำลง โดยสามารถสังเกตร่างกายตัวเองได้ง่ายจาก ป่วยบ่อย, ภูมิแพ้อากาศบ่อยครั้ง คัดจมูก น้ำมูกไหล คันตามตัวไม่ทราบสาเหตุ เป็นผื่นแดง เป็นต้น
ป้องกัน : พักผ่อนให้เพียงพอ และ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
พบบ่อยที่สุดในยุคนี้คือ อุจจาระเสร็จ ใช้แค่ทิชชู่แห้งเช็ด ไม่ฉีดล้างให้สะอาด เมื่อคุณใช้ห้องน้ำสาธารณะ จะเป็นในลักษณะนี้ โดยเฉพาะผู้ชายที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องความสะอาดนัก ที่อาจทำให้มีเศษอุจจาระเข้าไปอุดตันบริเวณต่อมเยื่อเมือกบริเวณรอบรูทวาร ทำให้อักเสบจนเกิดเป็นฝีคัณฑสูตร รวมไปถึงหลังเข้าห้องน้ำเสร็จธุระไม่เช็ดทำความสะอาดให้แห้ง ทำให้อับชื้นเกิดการสะสมของแบคทีเรีย ทำให้ติดเชื้อได้เช่นกัน
ป้องกัน : พกทิชชู่เปียก เลือกที่มีส่วนผสมจากน้ำ 99% ขึ้นไป ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือน้ำหอม เพื่อป้องกันการระคายเคือง และฉีดน้ำล้างทำความสะอาดทุกครั้ง หลังเข้าห้องน้ำทำธุระเช็ดทำความสะอาดให้แห้งทุกครั้ง
เช่น โรคเอดส์ (HIV), ซิฟิลิส, วัณโรค, หนองใน, หนองในเทียม,เริม เป็นต้น
ป้องกัน : รับประทานยาตามคำแนะนำแพทย์อย่างใกล้ชิด พร้อมเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงอยู่เสมอเพราะเวลาที่ภูมิคุ้มกันแข็งแรง อาการของโรคเหล่านี้มักจะสงบลง ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้อาการกำเริบ หรือทำให้อาการหายช้า เช่น การทานอาหารแสลง อาหารที่มีอาร์จีนีนสูงที่กระตุ้นการอักเสบ อาหารที่มีสารอาร์จีนีนสูง จากงานวิจัยพบกว่าสารอาร์จีนิน (Arginine) เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่มีส่วน ทำให้เชื้อเริมแบ่งตัว และลุกลามออกไปมากขึ้น โดยอาหารที่พบสารอาร์จีนีนในปริมาณมากในอาหารที่ให้โปรตีนสูง ควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ที่มีอัตราส่วนกรดอะมิโนไลซีนต่ำและอาร์จีนีนสูง ได้แก่
อาหารบางประเภทมีปริมาณกรดอะมิโนไลซีนต่ออาร์จีนีนที่สูง การทานอาหารเหล่านี้จะช่วยรักษาสมดุล arginine ไม่ให้มากเกินไป เพราะกรดอะมิโนไลซีนจะไปดูดซับ อาร์จีนีน ส่วนเกิน ได้ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเลนทิล โยเกิร์ต บีทรูท แอพริคอท แอปเปิ้ล เป็นต้น
อารมณ์เครียดหรือความวิตกกังวล พักผ่อนน้อย ทำงานหนัก ถูกแดดจัด ร่างกายอิดโรยหรือทรุดโทรม การได้รับบาดเจ็บหรือได้รับการกระทบกระเทือนเฉพาะที่ เช่น การถูไถ เกิดรอยถลอกขีดข่วน การเสียดสีของผิวกับเสื้อผ้า การทำฟัน ถอนฟัน การผ่าตัดที่กระทบกระเทือนต่อเส้นประสาท เป็นต้น
ระบบน้ำเหลือง มีหน้าที่ ผลิตเม็ดเลือดขาว ที่ช่วยทำลาย กักกันเชื้อโรค หรือ สิ่งที่เป็นพิษไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย โดยมีต่อมน้ำเหลือง ที่จะผลิตน้ำเหลืองออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย เมื่อไหร่ที่น้ำเหลืองเราเสีย ด่านกักกันนี้ก็จะทำงานได้น้อยลง จนไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคได้ จึงทำให้เกิดการติดเชื้อ เกิดการอักเสบง่าย และบ่อยขึ้น
ระบบน้ำเหลืองเสีย มีสาเหตุมาจากโรคประจำตัวบางโรค ที่ส่งผลโดยตรงทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำลง เช่น โรคไต, โรคตับ, เบาหวาน, โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (SLE), โรคมะเร็ง เป็นต้น โรคเหล่านี้ล้วนทำให้ระบบการสร้างภูมิต้านทานในร่างกาย ที่ใช้ต่อสู้กับเชื้อโรคลดลง ทำให้ร่างกายติดเชื้อได้ง่าย รวมไปถึงพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลงในข้อที่ 1 ก็เป็นผลทำให้ระบบน้ำเหลืองเสียเช่นกัน จึงทำให้มีโอกาสเป็นฝีคัณฑสูตรได้ง่าย
ป้องกัน : รับประทานยาตามคำแนะนำแพทย์ และหมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ ทานอาหารมีประโยชน์ ปรุงสุก สดใหม่ พักผ่อนให้เพียงพอ เข้านอนก่อน 4 ทุ่ม เพื่อกระตุ้นการสร้างภูมิต้านทานในร่างกาย
เป็นเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้มีอุจจาระไปติดอยู่ในบริเวณต่อมเยื่อเมือกได้ง่ายจึงทำให้มีโอกาสติดเชื้อ จนเป็นฝีคัณฑสูตร และเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้มากขึ้น เนื่องจากเวลาขับถ่ายตอนท้องผูก/ท้องเสีย จะใช้แรงดันในการขับของเสียมากกว่าปกติจึงเป็นตัวกระตุ้นให้บริเวณรูทวารมีการอักเสบที่มากขึ้น ที่ทำให้มีอาการเจ็บ บวม ปวด
ป้องกัน : รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น มะละกอ กล้วย แอปเปิ้ล ส้ม แก้วมังกร ถั่วต้มสุก ธัญพืชปรุงสุก ผักใบเขียว ทานผัก ผลไม้ ทุกมื้ออาหารให้ได้ประมาณ 35-50% ต่อมื้อ เพื่อช่วยเพิ่มน้ำและกากใยในการขับถ่าย และ ดื่มน้ำให้เพียงพอ ทุกเช้าหลังตื่นนอนควรดื่มน้ำ 1 แก้ว และ พยายามจิบน้ำตลอดทั้งวัน เพื่อกระตุ้นให้ลำไส้ทำงาน โดยการเคลื่อนไหวร่างกาย ลุกเดินทุก 1 ชั่วโมง หากต้องนั่งทำงานทั้งวัน จะช่วยให้เลือดลมหมุนเวียนดี อุจจาระนิ่ม ถ่ายสะดวก ควรดื่มน้ำเปล่ามากกว่า 1.5 ลิตรต่อวัน หรือดื่มให้ได้ปริมาณ 5% ของน้ำหนักตัวโดยนับรวมน้ำซุปหรือน้ำแกง และ น้ำเปล่า
จากการขับรถยนต์ ขี่มอเตอร์ไซต์ ทางไกล ปั่นจักรยานทางไกล เป็นระยะเวลานาน ๆ จนทำให้เกิดการอับชื้นบริเวณก้น ทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียเป็นต้นเหตุทำให้ติดเชื้อกลายเป็นฝีคัณฑสูตร
ป้องกัน : ควรเปลี่ยนอิริยาบถทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง หากนั่งนานจนเริ่มรู้สึกชื้นบริเวณก้น ควรจอดพัก เช็ดทำความสะอาดก้นด้วยกระดาษทิชชู่เปียกแบบ น้ำบริสุทธิ์ 99% และเบาะรองนั่งเพื่อลดและกระจายความร้อนที่สะสมบริเวณทวารหนัก และ จุดซ่อนเร้น
จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมน “คอร์ติซอล” ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้จะไปกดภูมิคุ้มในร่างกายให้ลดต่ำลง จึงทำให้ร่างกายติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ป่วยง่าย ป่วยบ่อยขึ้นนั้นเองที่ทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบภายใน ซึ่งคนส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัวและเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
ป้องกัน : หาวิธีที่ทำให้ตัวเองผ่อนคลายความเครียดอยู่เสมอ เช่น ฟังเพลงเบา ๆ สบาย ๆ เขียนบันทึกประจำวัน สวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิ ปลูกต้นไม้ เป็นต้น หรือใช้สมุนไพรที่มีฤทธ์ช่วยให้ผ่อนคลาย เช่น ลาเวนเดอร์ ดอกมะนาว คาโมไมล์ เลมอนมาสูดดม หรือ วางไว้บริเวณโต๊ะทำงาน เพื่อให้กลิ่นช่วยคลายความกังวล รู้สึกสดชื่นขึ้นระหว่างวัน
หากคุณไปหาหมอทั่วไป (ที่ไม่ใช่หมอเฉพาะทาง) หรือ ซื้อยามาทานเอง แล้วบอกว่ามีอาการปวดบริเวณรูทวาร อย่างแรกที่คุณจะได้รับคือ ยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ ที่ช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ตอนที่คุณกินได้ (เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ) หากคุณโชคดีกินแล้วอาการไม่ลามเป็นหนักขึ้น ฝีคัณฑสูตรนี้จะยุบและหายไปเองได้ แต่ยาพวกนี้ไม่ได้ช่วยรักษาและป้องกันที่ต้นเหตุ
เมื่อมีสิ่งมากระตุ้นในสาเหตุทั้ง 7 ข้อที่กล่าวไว้ คุณจะกลับมาเป็นอีกเรื่อย ๆ เพราะต้นเหตุจริง ๆ ของโรคฝีคัณฑสูตรมาจาก ระบบน้ำเหลืองที่ผิดปกติ หรือ ที่เราเรียกกันว่า “น้ำเหลืองเสีย” โดยคุณจะมีโอกาสเป็นถี่ขึ้นเรื่อย ๆ หากคุณแค่กินยาเหล่านี้ แต่ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใด ๆ และอาการที่คุณเป็นในครั้งต่อไปจะรุนแรงขึ้นและหายช้าลง
โดยทั่วไปหากกินยาตามที่หมอแนะนำแล้วไม่ดีขึ้น คุณหมอจะแนะนำให้ทำการผ่าเอาท่อฝีออกทันที ซึ่งโดยปกติแล้วคนไข้ส่วนใหญ่จะไปจบที่การผ่า เพราะยาที่คุณหมอทั่วไปหรือคลินิกทั่วไปจ่าย เป็นยาที่แค่บรรเทาอาการเจ็บปวดที่เป็นอยู่ แต่ไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุให้ฝีคัณฑสูตรหายจริง ๆ ซึ่งการผ่าฝีคัณฑสูตรมี 2 แบบ
*บริเวณที่ผ่านี้จะเป็นจุดแรกที่มักจะติดเชื้อ ตราบใดที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายของคุณยังต่ำอยู่
เพราะทุกคนที่ไปผ่าฝีคัณฑสูตร จะคิดว่าตัวเองหายดีแล้ว และไม่รู้จักโรคฝีคัณฑสูตรดีพอว่า โรคฝีคัณฑสูตรนี้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เพราะร่างกายไม่มีภูมิต้านทานมากพอ แต่เมื่อหลังผ่าคุณยังมีพฤติกรรมเดิม ๆ ที่ไม่ส่งเสริมให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่สูงขึ้น เช่น พักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่รักษาความสะอาด ทานอาหารแสลง ปล่อยให้ท้องผูก ท้องเสีย บ่อยครั้ง เหล่านี้จะทำให้คุณจะกลับมาเป็นโรคฝีคัณฑสูตรอยู่ดี
แก้น้ำเหลืองเสีย พร้อม บำรุง กรอง ขับฟอก ไม่ให้ร่างกายใช้น้ำเหลืองที่เสียแล้ว วนเวียนอยู่ในร่างกาย โดยในทุก ๆ วันร่างกายของคุณต้องใช้น้ำเหลืองที่ผลิตใหม่ ที่ไม่ปนเปื้อนน้ำเหลืองเสียเลย ที่จะทำให้ทุกจุดที่มีการอักเสบในร่างกายหายเป็นปกติ ได้เร็วกว่าปกติ
ยาแก้น้ำเหลืองเสีย ตราหมอนภา ชนิดแคปซูล: ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย ผื่นคันตามผิวหนัง พอระบบน้ำเหลืองดี จะค่อย ๆ ช่วยฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันภายใน จนน้ำเหลืองเสีย ที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคฝีคัณฑสูตร ถูกขับฟอกออก ช่วยขับเชื้อฝีหนองที่อยู่ภายในให้ออกมา จึงมีผลช่วยลดอาการอักเสบ สลายท่อฝีคัณฑสูตรที่ต้นเหตุ
ราคา 1,290 บาท
วิธีทาน ทานก่อนอาหารเช้า กลางวัน และ เย็น
ก่อนอาหาร 10-15 นาที
มื้อละ 2-3 แคปซูล
(โดยปริมาณที่ควรทานคุณหมอที่ดูแลจะระบุจำนวนให้อีกครั้งหลัง พูด-คุยประเมินอาการ)
1-7 วัน : ช่วงขับของเสีย >> ช่วงขับหนองภายในร่างกาย อาการปวด บวม ลดลง
คำแนะนำในการดูแลตนเอง
8-14 วัน : ช่วงระบายของเสีย >> ช่วงระบายหนองออกนอกร่างกาย หัวฝียุบ
คำแนะนำในการดูแลตนเอง
15-30 วัน : ช่วงกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ >> ช่วงกระตุ้นสร้างเนื้อเยื้อใหม่ที่แข็งแรง บริเวณหัวฝี
คำแนะนำในการดูแลตนเอง
1-2 เดือน : ช่วงสมานแผล >> ช่วงสมานแผล สร้างเนื้อใหม่ ให้แผลไม่เป็นโพรง ยากที่จะกลับมาเป็นฝีอีกที่จุดนี้
คำแนะนำในการดูแลตนเอง
2-4 เดือน : ช่วงบำรุงระบบน้ำเหลือง ลดโอกาสการกลับมาเป็นฝีคัณฑสูตรซ้ำอีก
คำแนะนำในการดูแลตนเอง
เพราะหากหยุดยาเองตอนที่อาการยังไม่หายสนิทดี ระบบเลือดและน้ำเหลืองยังไม่ได้รับการฟื้นฟูและบำรุงอย่างเต็มที่ จะทำให้มีโอกาสที่ฝีคัณฑสูตรกลับมาเป็นซ้ำได้ แต่หากทานต่อเนื่องครบ 4 เดือน ตัวยาจะเข้าไปกำจัดรากฝีคัณฑสูตร บำรุงเลือด ระบบน้ำเหลืองและภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยให้อาการหายสนิทและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำได้อีก
ยาทาภายนอก B-Liz2 : บรรเทาอาการโรคบริเวณทวารหนัก
หากพิจารณาจากสรรพคุณส่วนประกอบของสมุนไพรที่เราใช้ ตัวสมุนไพรยังสามารถช่วยสมานแผลภายนอก รักษาอาการอักเสบจากฝี ริดสีดวงทวารหนัก ทำให้แผลแห้งเร็ว รู้สึกเย็นสบาย ลดความร้อนและอาการอักเสบที่ผิวหนัง จึงทำให้สามารถใช้ได้กับอาการทางผิวหนังหลายชนิด
ราคา 1,590 บาท
วิธีการทา: ทาทุก 4 ชั่วโมง หรือ หลังอาบน้ำ เช้า และ เย็น
คำแนะนำ: หากยังมีหนอง หรือ น้ำเหลืองไหล ออกจากหัวฝี หรือ รูฝี ควรทายาบริเวณรอบๆ ก่อน ไม่แนะนำให้ทาปิดทับรูฝี เพราะจะเป็นการปิดกั้นทางระบายของหนอง และ ของเสีย
ผงยาแช่ก้น So Fin : ช่วยบรรเทาอาการ ปวด บวม อักเสบ ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ ทำให้รู้สึกสบายตัว ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้ดี หนองของเสีย ถูกขับออกมาได้ดีมากขึ้น ลดการคั่งค้างของของเสียภายใน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องขับขี่รถ/รถจักรยานยนต์เป็นประจำ ผู้ที่นั่งหรืออยู่ในอิริยาบถเดิมนาน ๆ
ราคา 1,590 บาท
วิธีการแช่: แช่ก่อนอาบน้ำ เช้า และ เย็น
คำแนะนำ: แช่เมื่อมีอาการบวม ปวด หรือรู้สึกไม่สบายที่ทวารหนัก แช่ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร
"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"
แพทย์แผนไทย
" ความมั่งคั่งที่แท้จริง จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรามีสุขภาพกายและใจที่ดี สมดุล แข็งแรง "