หากพูดถึง “โรคฝีคัณฑสูตร” หลาย ๆ คนอาจจะไม่คุ้นหูสักเท่าไหร่นัก และฟังดูเหมือนเป็นโรคที่น่าจะไกลตัวมาก ๆ เลย แต่ถ้าให้นึกถึง “ฝีที่ก้น” หรือ “ฝีขอบก้น” ทุกคนก็ร้อง “อ้อ” ขึ้นมาทันที ตามหลักการแล้ว “ฝีคัณฑสูตร” ก็คือ ฝีชนิดหนึ่งที่มักเกิดขึ้นบริเวณรอบ ๆ รูทวารหนัก และแก้มก้น มีลักษณะเป็นตุ่มบวมแดง และอาจมีหนองอยู่ภายในนั้นด้วย เมื่อเป็นแล้วจะรู้สึกเจ็บ ปวด บางคนทรมานมาก ๆ ถึงขั้นนั่งไม่ได้เลยทีเดียว และฝีอาจแตกได้ หากมีการกดทับอย่างรุนแรง และด้วยความที่ตำแหน่งของฝีคัณฑสูตรมักเกิดใกล้กับรูทวารหนัก จึงทำให้หลาย ๆ คนเข้าใจผิด คิดว่านี่แหละคือ “ริดสีดวงทวารหนัก” ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดนะคะ
หากคุณคิดว่าตัวเองสุ่มเสี่ยงเป็น “โรคฝีคัณฑสูตร” แต่ยังไม่แน่ใจ สามารถปรึกษาทีมแพทย์ของเราได้ฟรี
1. ฝีคัณฑสูตรเฉียบพลัน (Anorectal abscess)
เป็นภาวะที่มีอาการปวดก้น มีอาการอักเสบ บวม แดง ร้อนบริเวณฝี หากฝีมีขนาดใหญ่จะมีไข้ร่วมด้วย คลำบริเวณที่เป็นฝีจะพบก้อน กดดูหรือเมื่อฝีแตกจะมีหนองไหลออกมาหรือมีเลือดหรือน้ำเหลืองไหลออกมา หากมีฝีที่แก้มก้นจะทำให้แก้มก้นบวม แดง และแข็ง อาจมีอาการปวดก้นและปวดถ่ายอุจจาระ
2. ฝีคัณฑสูตรเรื้อรัง (Anorectal fistula)
เป็นรูติดต่อที่เป็นท่อระหว่างรูเปิดภายนอก ผิวหนังของทวารหนักถึงรูเปิดภายในทวารหนัก บางคนเรียก ฝีทะลุทวารหนัก ส่วนมากจะเกิดกับผู้ป่วยที่มีประวัติเคยเป็นฝีรอบ ๆ ทวารหนัก และเป็นซ้ำที่ตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งใหม่ มีหนองหรือน้ำเหลืองไหล อาจมีอาการปวด คลำพบก้อนแข็งๆ บริเวณภายนอกรอบ ๆ ทวารหนัก มีน้ำเหลืองหรือหนองซึมออกมา ตรวจคลำภายในทวารหนักด้วยนิ้วมืออาจจะพบรูเปิดภายในช่องทวารหนัก
จริง ๆ แล้ว ยังไม่มีใครทราบได้อย่างแน่ชัดว่า “ฝีคัณฑสูตรเกิดจากอะไร” คล้าย ๆ กับเราไม่สามาถฟันธงได้ว่า “สิวที่ใบหน้าของเรานั้นเกิดจากอะไร” รู้ตัวอีกทีก็เริ่มเจ็บ ปวด มีตุ่มบวมแดง และเป็นหนองเสียแล้ว!
แต่โดยหลักการแล้วแพทย์ได้สันนิษฐานว่า “ฝีคัณฑสูตร” มีสาเหตุส่วนใหญ่ มาจากต่อมเหงื่อบริเวณรอบ ๆ ทวารหนัก มีอุจจาระ แบคทีเรีย หรือของเสียไปสะสมจนอุดตันต่อมเหงื่อเหล่านั้น จนอักเสบและกลายเป็นหนองในที่สุด จากนั้นหนองที่เกิดขึ้นก็มีอำนาจในการกัดเซาะไปตามจุดต่าง ๆ แตกแขนงอยู่บริเวณรอบ ๆ ทวารหนัก คล้าย ๆ รากแก้วของต้นไม้ที่แตกแขนงออกไปอย่างคาดเดาทิศทางไม่ได้ เช่นเดียวกันกับหนองที่อาจจะกัดเซาะไปที่กล้ามเนื้อหูรูดก็ได้ หรืออาจจะกัดเซาะไปเรื่อย ๆ จนทะลุออกมายังผิวหนังด้านนอก ให้เราเห็นเป็นตุ่มแดง ๆ และมีหนองคลออยู่ในตุ่มนั้น
สำหรับวิธีรักษาฝีคัณฑสูตร (ฝีที่ก้น, ฝีขอบก้น) ในปัจจุบันนี้ มี 4 วิธีหลักที่คนนิยม ได้แก่
1. การกินยารักษาฝีคัณฑสูตร (รักษาภายใน)
2. การใช้ยาทาฝีคัณฑสูตร (รักษาภายนอก)
3. การผ่าตัดฝีคัณฑสูตร (ดูดหนองออก)
4. รวมถึงการดูแลสุขภาพไม่ให้สุ่มเสี่ยงต่อการเป็นฝีคัณฑสูตร ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาฝีคัณฑสูตรด้วยเช่นกัน และยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันไม่ให้เกิดโรคซ้ำอีกด้วยค่ะ
อันที่จริง ทั้ง 4 วิธีการเหล่านี้มีมาตั้งนานแล้ว แต่ทางการแพทย์มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาทั้งส่วนของแพทย์แผนปัจจุบัน และแพทย์ทางเลือก แน่นอนว่าเครื่องไม้เครื่องมือ หรือสูตรยารักษาต่าง ๆ ย่อมถูกพัฒนาให้ดีกว่าในอดีต และยังคงมีการพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เป็นขั้นบันไดขึ้นไป ส่งผลให้การรักษามีประสิทธิภาพดีมากยิ่งขึ้นตามไปด้วยค่ะ
“สบายใจขึ้นมาระดับหนึ่งแล้วใช่ไหมคะ การจะรักษาฝีคัณฑสูตรให้หายไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่รักษาให้เราด้วยนะคะ”
หากคุณได้อ่าน “สาเหตุของการเกิดฝีคัณฑสูตร” หัวข้อข้างบนอย่างแจ่มแจ้งแล้ว คุณจะเข้าใจได้เลยว่า “การรักษาฝีคัณฑสูตร” จะต้องรักษาตามระยะอาการที่เป็น เช่น หากเป็นฝีคัณฑสูตรระยะเริ่มต้น คือ นั่งแล้วเจ็บปวดที่ก้น แต่ยังไม่มีตุ่มฝีทะลุออกมาให้เห็นชัดเจน วิธีรักษาอาการในระยะนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาทาฝีคัณฑสูตร และยังไม่รุนแรงถึงขั้นต้องผ่าตัด สามารถกินแค่ยารักษาฝีคัณฑสูตรเพื่อรักษาจากภายใน ควบคู่กับปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดฝีคัณฑสูตร เพียงเท่านี้อาการฝีคัณฑสูตรก็ทุเลาลงจนหายไปตามลำดับได้แล้วค่ะ
ปุณรดายาไทย ขอแนะนำว่า "สิ่งที่สำคัญกว่ายารักษาโรค คือ วินัยในการดูแลสุขภาพนะคะ" หากคุณไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นฝีคัณฑสูตรหรือไม่ หรือ อยากเช็คว่าเป็นฝีคัณฑสูตรระยะไหนแล้ว เพื่อจะได้รักษาให้ตรงจุด สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราได้ฟรี คลิกที่นี่เลย
สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 02-1147027
ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร
"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"
แพทย์แผนไทย
" ความมั่งคั่งที่แท้จริง จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรามีสุขภาพกายและใจที่ดี สมดุล แข็งแรง "