โรคงูสวัด

งูสวัด คืออะไร?

งูสวัด มันคืออะไร? คือชื่อของ “งู” ชนิดหนึ่งหรือเปล่านะ? ทำไมไม่คุ้นเลย!

จริง ๆ แล้ว “งูสวัด” คือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง เมื่อค้นดูตำราแล้วพบว่า “งูสวัด” มาจากคำว่า “งูตวัด” ที่เรียกอย่างนี้ก็เพราะว่า ลักษณะที่แสดงออกมาให้เห็นของโรคนี้ คือจะเป็นตุ่มพุพองเกิดขึ้นเป็นกลุ่ม ๆ เรียงกันเป็นแถวยาว พาดตามแนวขวางของลำตัวคนไข้ ดูแล้วคล้ายกับ “งู” จึงเรียกว่า “งูตวัด” และยังมีความเชื่ออีกว่า หากผู้ที่มีตุ่มงูสวัดเกิดขึ้นรอบเอวจนเหมือนงูรัด ผู้นั้นจะต้องเสียชีวิต แต่อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงความเชื่อที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งในปัจจุบันนี้พบได้น้อยมาก ๆ ที่จะมีคนเสียชีวิตด้วยโรคงูสวัดนะคะ

อาการของโรคงูสวัด

ผู้ป่วยโรคงูสวัดจะมีอาการปวดแสบร้อนบริเวณผิวหนัง หลังจากนั้น 2-3 วัน จะมีผื่นแดงขึ้นตรงบริเวณที่ปวด แล้วกลายเป็นตุ่มน้ำใส ๆ ผู้ป่วยบางรายอาจมีไข้ร่วมด้วย ลักษณะผื่นมักเรียงกันเป็นกลุ่ม หรือเป็นแถวยาวตามแนวเส้นประสาท และจะแตกออกเป็นแผล ต่อมาจะตกสะเก็ดและหายได้เองใน 2 สัปดาห์ และเมื่อแผลหายแล้ว อาจยังมีอาการปวดตามแนวเส้นประสาทได้ค่ะ

แม้ว่าโรคงูสวัด จะเป็นโรคที่ไม่รุนแรงมากนักแต่ก็สร้างความไม่มั่นใจให้กับผู้ป่วยได้ไม่น้อยเลยนะคะ เพราะโรคนี้แสดงออกทางผิวหนังอย่างชัดเจน ดูแล้วไม่สวยงาม ผู้ป่วยบางรายโดยเฉพาะคุณผู้หญิงเมื่อได้เป็นโรคนี้แล้วอาจจะมีอาการเครียดเกิดขึ้นได้ และเกิดอาการซึมเศร้าได้ค่ะ ทางที่ดีเราควรป้องกันไว้แต่เนิ่น ๆ ไม่ให้ร่างกายอ่อนแอจนเชื้อออกมาเล่นงานเราได้ แต่ถ้าโรคเกิดขึ้นมาแล้ว เราก็ต้องรีบรักษาให้เร็วที่สุดนะคะ

ปุณรดายาไทย ขอแนะนำ H-SET ชุดสมุนไพรรักษางูสวัด ที่ช่วยรักษาลึกถึงต้นเหตุของโรค สอบถามรายละเอียดชุดสมุนไพร H-SET และปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมได้ฟรี คลิกที่นี่เลย

สาเหตุของการเกิดงูสวัด

“โรคงูสวัด” เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Varicella Zoster Virus หรือ VZV ซึ่งเป็นไวรัสชนิดเดียวกันกับ “โรคอีสุกอีใส” และทั้ง 2 โรคนี้มีความเกี่ยวข้องกันคือเป็นโรคที่พ่วงตามกันมา อธิบายง่าย ๆ ได้ว่าถ้าครั้งหนึ่งคุณเคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อน แน่นอนว่าร้อยละ 90 เปอร์เซ็นต์ ของคนไทยต้องเคยเป็นอีสุกอีใสกันมาแล้วตั้งแต่ยังเด็ก และเมื่ออาการอีสุกอีใสทุเลาลงแล้ว เชื้อไวรัสบางส่วนจะยังคงแอบซ่อนตัวอยู่ตามแนวปมประสาทใต้ผิวหนัง พวกมันอยู่ในร่างกายคุณมาตลอดและรอวันที่คุณมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง เช่น คุณอยู่ในภาวะอ่อนเพลีย พักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นผู้ป่วยสูงอายุ เป็นผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี หรือผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับยากดภูมิต้านทาน เป็นต้น โอกาสนั้นแหละ! มันจะเผยตัวออกมาในลักษณะอาการใหม่ พร้อมกับฉายาที่เราตั้งให้ใหม่ด้วย นั่นคือ “งูสวัด”

การป้องกันโรคงูสวัด

ในปัจจุบันนี้ มีวัคซีนป้องกันโรคงูสวัดแล้ว โดยสามารถลดโอกาสเกิดโรคงูสวัด หรือ หากว่าเกิดการติดเชื้อขึ้นแล้วจะสามารถลดความรุนแรงของอาการงูสวัดและอาการปวดหลังการติดเชื้อได้ ทั้งนี้ แนะนำให้ฉีดในผู้สูงอายุที่มีอายุ มากกว่า 60 ปีขึ้นไป

การสัมผัสตุ่มน้ำ หรือ แผลของผู้ป่วยงูสวัด อาจทำให้ผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันเกิดเป็นโรคอีสุกอีใสได้ ดังนั้นควรแยกข้าวของเครื่องใช้ เครื่องนุ่งห่ม ผ้าเช็ดตัว ที่นอนของผู้ป่วยโรคงูสวัด ออกจากผู้ที่ยังไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อนนะคะ ในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือ เป็นโรคงูสวัดแบบแพร่กระจาย สามารถแพร่กระจายเชื้อได้ทางการหายใจ ดังนั้นควรแยกผู้ป่วยไม่ให้ใกล้ชิดกับผู้ที่ไม่เคยเป็นโรคมาก่อน รวมถึงเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และหญิงตั้งครรภ์ เพราะกลุ่มคนเหล่านี้จัดว่าเป็นผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ติดเชื้อได้ง่ายมาก

วิธีรักษาโรคงูสวัด

หากคุณเคยเป็น “โรคงูสวัด” มาแล้วแม้เพียงแค่ครั้งเดียวก็ตาม เชื้อไวรัสบางส่วนจะยังคงแอบซ่อนอยู่ตามปมประสาทของเราตลอดไป หลายครั้งที่คนถามว่า โรคงูสวัดรักษาอย่างไร แน่นอนว่ายังไม่มียาตัวไหนที่สามารถกำจัดเจ้าเชื้อไวรัสที่ซ่อนตัวเก่งขนาดนี้ให้หมดสิ้นไปได้ จึงทำให้ “โรคงูสวัด” เป็นโรคที่รักษาไม่หายขาดจนถึงทุกวันนี้ แต่มีทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือ การทำให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ ที่สำคัญเลยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต้องแข็งแรงด้วย ไม่อ่อนข้อให้กับเชื้อไวรัสง่าย ๆ หากคุณทำได้ เพียงเท่านี้ก็สามารถระงับ “โรคงูสวัด” ไม่ให้กำเริบได้ดีระดับหนึ่งแล้วละค่ะ

แต่ถ้า "โรคงูสวัด" เกิดขึ้นมาแล้ว ปุณรดายาไทย ขอแนะนำ H-SET ชุดสมุนไพรรักษางูสวัด ที่ช่วยรักษาลึกถึงต้นเหตุของโรค ฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันให้ต้านทานโรคได้ดีขึ้น และ ฟื้นฟูระบบน้ำเหลืองให้แข็งแรง สอบถามรายละเอียดชุดสมุนไพร H-SET และปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมได้ฟรี

คลิกที่นี่เลย