การวางแผนการรับประทานอาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน มีจุดประสงค์ เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และ ลดน้ำหนักตัวลง แต่ก่อนอื่นเลย คุณจำเป็นต้องรู้ว่าควรได้รับปริมาณสารอาหารต่อวันมากเท่าไหร่ เพื่อนำไปวางแผนการควบคุมอาหารไม่ให้เกินกำหนด โดยปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน สำหรับคนไทยอายุ ตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป คิดจากความต้องการพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี่ มีเกณฑ์ดังนี้
- ไขมันทั้งหมด น้อยกว่า 65 กรัม
- กรดไขมันอิ่มตัว น้อยกว่า 20 กรัม
- คอเลสเตอรอล น้อยกว่า 300 มิลลิกรัม
- คาร์โบไฮเดรต 300 กรัม
- ใยอาหาร 25 กรัม
- โซเดียม น้อยกว่า 2,400 มิลลิกรัม
- น้ำตาล ไม่ควรบริโภคเกินร้อยละ 10 ของพลังงานทั้งหมดที่ได้รับต่อวัน
(อ้างอิงจาก: http://th.wikipedia.org/wiki/Thai RDI)
สรุปก็คือ คุณไม่ควรทานอาหารเกิน 2,000 กิโลแคลอรี่ ต่อวัน ไม่ต้องกังวลไปนะคะ หากคุณไม่เข้าใจเรื่องคำนวณแคลอรี่อาหารเลย แนะนำให้ปรึกษากับนักกำหนดอาหารวิชาชีพ หรือ พยาบาลผู้เชี่ยวชาญเบาหวาน เพื่อให้เขาช่วยวางแผนอาหารในแต่ละวันให้คุณทานอย่างสบายใจขึ้นแต่ถ้าคุณศึกษาเรื่องแคลอรี่มาจนคำนวณเองได้แล้ว ปุณรดายาไทยมีเมนูลดน้ำตาลในเลือดมาแนะนำ ให้คุณเลือกนำไปวางแผนการทานอาหารได้เลยค่ะ มีระบุจำนวนแคลอรี่ให้เรียบร้อยแล้ว คลิกที่นี่เลย 10 เมนูอาหารลดน้ำตาลในเลือด
แนะนำเพิ่มเติม
*ถ้าน้ำหนักเกินหรืออ้วน ให้ลดแป้ง
**ถ้าน้ำหนักน้อย หรือผอม ให้เพิ่มสารอาหารประเภทแป้งหรือข้าวได้
***ถ้าน้ำหนักพอดี ให้กินอาหารประเภทแป้ง หรือข้าวได้เท่าเดิม
****ถ้าคุณไม่รู้ว่าน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ใด คำนวณได้ที่นี่เลย http://bit.ly/2G2Vz3a
โภชนบำบัดนี้ หากคุณทำตามได้อย่างมีวินัย ระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลงอยู่ในเกณฑ์ปกติได้อย่างรวดเร็ว ระวังแค่เพียงไม่ให้ระดับน้ำตาลต่ำเกินไป พยายามควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ปกติอย่างคงที่ด้วยนะคะ โภชนบำบัด มีข้อปฏิบัติดังนี้
1. เลือกอาหารที่มีกากใยอาหารสูง เช่น ข้าวซ้อมมือ ผักใบ และ ผลไม้ที่ไม่หวานจัด
2. เลี่ยงน้ำตาล น้ำผึ้ง น้ำหวาน น้ำอัดลม และ น้ำผลไม้
3. เลือกทานอาหารที่มีเกลือต่ำ หรือ ไม่เค็ม
4. เลือกทานอาหารที่มีไขมัน และ โคเลสเตอรอลต่ำ
5. เลี่ยงแอลกอฮอล์ผสม เหล้า เบียร์ ไวน์ เครื่องดื่มบำรุงกำลัง
6. กินจำนวนมื้อตามปกติ แต่ต้องระวังเรื่องปริมาณอาหาร และ ปริมาณน้ำตาลในอาหาร
7. อย่าตามใจปาก อย่ากินนอกมื้ออาหาร ควรกินอาหารให้ตรงเวลาทุกวันอย่างมีวินัย เพื่อรักษาสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือด ที่ผันแปรตามระดับฮอร์โมนในแต่ละช่วงเวลาของวัน
8. กินแป้ง และ ไขมันน้อยลง
9. กินข้าวน้อยลงครึ่งหนึ่ง ถ้าไม่อิ่มให้กินพวกเนื้อสัตว์และผักทดแทน ไม่ควรกินผลไม้ นม หรือนมโยเกิร์ตแทนข้าว เพราะจะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงมากกว่าเดิม
10. ถ้าอยากจะกินผลไม้จริง ๆ ให้กินได้เฉพาะฝรั่ง แอปเปิ้ล ชมพู่
11. สำหรับผลไม้ที่มีปัญหามาก ๆ และควรงดโดยเด็ดขาด ได้แก่ ทุเรียน เงาะ ลำไย
12. ห้ามเติมน้ำตาลลงในเครื่องดื่มเกิน 1 ช้อนชา
13. งดกินอาหารจากร้านฟาสต์ฟู้ด เบเกอรี่ และ กาแฟที่ใส่ครีมเทียม
14. กินเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และ ผักให้มากขึ้น
15. กินอย่าให้รู้สึกอิ่ม แค่รู้สึกไม่หิวก็พอแล้ว
16. ห้ามกินแล้วนอนทันที ควรทำกิจกรรมอื่น ๆ อีกสักอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง (ดังนั้น ไม่ควรกินอาหารมื้อเย็นมากเกินไป)
17. ใช้น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันทานตะวัน น้ำมันดอกคำฝอย ในการทำอาหาร
18. งดข้าวเหนียวกะทิที่เป็นขนมหวาน ส่วนข้าวเหนียวที่กินคู่กับอาหารคาวกินได้ แต่ให้กินน้อยลงกว่าเดิมครึ่งหนึ่ง
19. งดเครื่องในสัตว์ ไขมันสัตว์ ครีม กะทิ มะพร้าว ของทอด น้ำมัน อาหารทอด อาหารผัด
20. กินเต้าหู้ และ ถั่วให้มากขึ้น
การออกกำลังกายแบบแอโรบิกสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานนั้นมีประโยชน์มาก ๆ
1. ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง
2. กล้ามเนื้อและเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายนำน้ำตาลไปใช้ได้ดีขึ้น
3. ช่วยลดน้ำหนัก
4. ทำให้ระดับไขมันดีในเลือด (คอเลสเตอรอลชนิดเอชดีแอล) สูงขึ้น
5. ทำให้จิตใจแจ่มใส
ข้อแนะนำในการออกกำลังกาย
1. ทำทุกวัน วันละ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง
2. ออกกำลังแบบแอโรบิกที่ดีที่สุดคือ วิ่งเหยาะๆ หรือเดินเร็วๆ
3. ต้องได้เหงื่อ ไม่ได้เหงื่อไม่ได้ผล
4. ระวังเท้าขณะออกกำลัง ระวังอย่าให้เกิดแผลหรือการบาดเจ็บ
การวางแผนการรับประทานอาหาร การปฏิบัติตามโภชนบำบัดสำหรับคนเป็นเบาหวาน และการออกกำลังกาย วิธีการเหล่านี้ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และ ลดน้ำหนักตัวลงได้ค่อนข้างดีมากแล้ว แต่ในผู้ป่วยเบาหวานบางราย วิธีเหล่านี้อาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงใกล้ระดับปกติได้ จึงต้องเข้าสู่การรักษาขั้นต่อไปคือ การใช้ยาช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ในบทความนี้ ปุณรดายาไทย ขอแนะนำยาสมุนไพรรักษาเบาหวาน ช่วยลดน้ำตาลในเลือด อย่างปลอดภัยนะคะ
ความพิเศษของตำรับยา B-CARE คือ ประกอบด้วยยาสมุนไพรหลายชนิด ซึ่งมีทั้งยาตรง ยาช่วย ยาประกอบ ยาชูรสชูกลิ่น จุดประสงค์เพื่อให้ยาออกฤทธิ์รักษาได้ผลดีกว่าเดิม ทานง่ายขึ้น และ ไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ สรรพคุณหลักของยาคือช่วยรักษาที่ต้นเหตุของโรค และ สรรพคุณรองคือช่วยปรับสมดุลให้ทั่วทั้งร่างกาย เมื่อทานยาควบคู่กับการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของคนไข้ลดลง กลับสู่ระดับปกติได้อย่างปลอดภัยในเวลาไม่นาน และสุขภาพจะแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับค่ะ
1. ช่วยลดระดับน้ำตาลให้ลดลงอย่างเป็นธรรมชาติ จนกลับสู่ภาวะปกติ
2. ช่วยขับของเสียในระบบไหลเวียนเลือด แก้ปัญหาเลือด ข้น หนืด ช่วยให้เลือดไหลเวียนทั่วร่างกาย
3. ช่วยขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะขัด ปัสสาวะไม่สุด ลดอาการบวมตามร่างกาย
4. ลดโอกาสในการตัดอวัยวะที่เป็นแผลเรื้อรัง
5. บำรุงร่างกาย แก้อาการอ่อนเพลีย
เห็นไหมคะ แค่ 4 Steps ง่าย ๆ ก็ทำให้สุขภาพของคุณดีขึ้นได้แล้ว หากมีบางคนที่กำลังท้อแท้ เบื่อหน่าย กับการรักษาโรคเบาหวาน เราขอเป็นกำลังใจให้นะคะ เราเชื่อว่าเมื่อคุณมีวินัยและอดทนมากพอจนถึงจุด ๆ หนึ่ง “วินัยและอดทน” จะกลายเป็นทรัพย์ติดตัวคุณไปตลอด พูดง่าย ๆ คือมันจะกลายเป็นนิสัยแบบธรรมชาติของคุณ โดยที่คุณไม่ต้องพยายามหรือฝืนใจทำอีกเลย คุณจะเริ่มชินและเริ่มเข้าใจว่า จริง ๆ แล้วชีวิตของคุณนั้นเป็นปกติดี และมีความสุขได้ในแบบของคนเป็นโรคเบาหวานค่ะ
สุดท้ายนี้ ปุณรดายาไทย อยากให้คุณตระหนักไว้เสมอว่า “เบาหวาน” บริโภค “ความเครียด” เป็นอาหาร แต่ “เบาหวาน” กลัว “ความสุข” ดังนั้น ขอให้คนเป็นเบาหวานทุก ๆ คน มีจิตใจที่เข้มแข็ง คิดบวก มีความสุขในทุก ๆ วัน และขอให้ความตั้งใจและวินัยที่คุณหมั่นรักษาสุขภาพนั้น ส่งผลให้ร่างกายที่เจ็บป่วยของคุณฟื้นตัวได้เร็วขึ้นๆ จนมีสุขภาพที่แข็งแรงนะคะ
ศ.นพ.วิโรจน์ ไววานิชกิจ, อาจารย์กมล ไชยสิทธิ์. เมนูสบายใจ ต้านภัยเบาหวาน. พิมพ์ครั้งแรก : สำนักพิมพ์มติชน, พฤษภาคม 2556
สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 086-955-6366, 091-546-9415
ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร
"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"
แพทย์แผนไทย
" ความมั่งคั่งที่แท้จริง จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรามีสุขภาพกายและใจที่ดี สมดุล แข็งแรง "