มลพิษที่เราหายใจเข้าไปไม่ได้ทำให้เกิดปัญหาเฉพาะที่ปอด หรือระบบทางเดินหายใจเท่านั้น แต่ฝุ่น PM 2.5 ยังสามารถซึมผ่านเข้าสู่เส้นเลือด รวมทั้งผ่านเข้าทางเส้นประสาทการรับกลิ่นที่อยู่ในโพรงจมูก และผ่านเข้าไปยังสมองโดยตรง หลังจากที่ฝุ่นเข้าไปยังสมองจะทำให้เกิดกระบวนการอักเสบในสมอง มีการหลั่งสารอักเสบ ชนิดต่าง ๆ ทำให้เซลล์สมองได้รับบาดเจ็บ เกิดภาวะสมองเสื่อมเร็วกว่าปกติ รวมทั้งยังพบว่าทำให้เกิดการก่อตัวของก้อนโปรตีนที่ผิดปกติในสมอง ที่มีลักษณะคล้ายกับคนที่เป็นโรคอัลไซเมอร์หรือโรคพาร์กินสัน รวมทั้งยังทำให้เกิดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้นอีกด้วย
1. การคมนาคมขนส่ง (สถานีขนส่ง) หรือสถานีโดยสาร การขนส่งทางบก เช่น การขนส่งทางรถทุกชนิด และการขนส่งทางรถไฟ การขนส่งทางน้ำ เช่น การขนส่งทางเรือ เรือโดยสารทุกชนิด
2. โรงงานอุตสาหกรรม
3. การผลิตไฟฟ้า
4. สถานที่ ที่มีการเผาไหม้
5. สถานที่โล่งแจ้ง
1. ไอ จาม
2. น้ำมูกไหล แสบจมูก
3. หายใจไม่สะดวก
4. แน่นหน้าอก หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ
เนื่องจาก PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (ถ้าเทียบให้เห็นภาพคือเล็กกว่าขนาดเม็ดน้ำตาลทราย 1,000 เท่า) และมีค่าความเข้มข้นสูงเกิน 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร จึงสามารถเข้าไปถึงถุงลมและปอดได้ ทำให้ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจส่วนบนเช่น ไอ จาม มีน้ำมูก คัดจมูก แสบจมูก เจ็บคอ ไอแบบมีเสมหะ และอาจเป็นริดสีดวงจมูกหรือไซนัสอักเสบได้ หรืออาจส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง เช่น ทำให้ปอดเกิดการอักเสบ ระคายเคือง อึดอัด แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก เป็นต้น หากได้รับในปริมาณที่มาก สามารถก่อให้เกิดเป็นมะเร็งปอดได้เช่นกัน
ผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
ฝุ่นขนาด PM 2.5 มีผลเพิ่มความเสี่ยงการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด 1.2 เท่า เนื่องจากฝุ่นเหล่านี้ไปกระตุ้นระบบฮอร์โมนบางชนิดในร่างกาย ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานมากขึ้น จึงเกิดเป็นลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดได้ง่ายขึ้น หากร่างกายได้รับฝุ่นละออง PM 2.5 ปริมาณมากและเป็นระยะเวลานาน จะมีผลต่อระบบหัวใจ หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจเต้นแรงขึ้น มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน เกิดภาวะหัวใจวาย และหลอดเลือดสมองตีบจนถึงตายได้
ผลกระทบต่อผิวหนัง
ฝุ่นละออง PM 2.5 สามารถทําลายเซลล์ผิวหนังกําพร้าของมนุษย์โดยตรง โดยไปจับตัวกับสารเคมี และโลหะต่าง ๆ และนําพาเข้าสู่ผิวหนัง มีผลทําร้ายเซลล์ผิวหนัง และ กระตุ้นให้เกิดกระบวนการอักเสบของเซลล์ผิวหนัง ทําให้เกิดผื่นคันที่ผิวหนัง โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีโรคผิวหนังเดิมอยู่แล้ว เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนัง ผื่นผิวหนังอักเสบ สะเก็ดเงิน สิว ผมร่วง จะทําให้มีการระคายเคือง คัน ผื่นกําเริบมากขึ้นได้ และหากสัมผัสต่อเนื่องเป็นเวลานานจะก่อให้เกิดอนุมูลอิสระในกระบวนการสร้างเซลล์ ซึ่งส่งผลต่อภาวะความชราของผิวหนัง รวมถึงจุดด่างดําบนชั้นผิวหนังด้วย
ผลกระทบต่อเยื่อบุตา
เมื่อฝุ่นละอองเข้าสู่เยื่อบุตาจนเกิดการอักเสบตา คันตา อาจทำให้เกิดอาการแสบตา ตาแดง ระเคืองตา ตาอักเสบ เป็นเยื่อบุตาอักเสบ ซึ่งผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตาอาจทำให้รุนแรงขึ้น เช่น ต้อลม ต้อเนื้อ ภูมิแพ้ขึ้นตา
ผลกระทบต่อสุขภาพเบื้องต้น และ ความอันตรายต่อกลุ่มเสี่ยง เพราะอาจทำให้โรคกำเริบได้
อาการเบื้องต้นที่จะกระทบต่อสุขภาพในระยะเบื้องต้นได้แก่ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ เหนื่อยง่าย มองไม่ชัด หอบหืด ยิ่งกลุ่มเสี่ยงที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ โรคปอด โรคถุงลมในปอดโป่งพอง โรคมะเร็งปอด โรคเกี่ยวกับหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจ ผู้ที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวทำให้มีโอกาสหัวใจวายเฉียบพลัน ดังนั้นกลุ่มเสี่ยงทั้งหลายควรอยู่แต่ในอาคารบ้านเรือน
อันตรายต่อหญิงตั้งครรภ์ และทารกแรกเกิด
ถ้าได้รับฝุ่นพิษเป็นเวลามากๆ ก็มีความเสี่ยง ส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้ นอกจากนี้มลพิษทางอากาศยังส่งผลถึงสตรีตั้งครรภ์ เกี่ยวกับปัญหาในการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์อีกด้วย ซึ่งผลกระทบที่เห็นอย่างได้ชัดคือ ทารกแรกเกิดนั้นจะมีน้ำหนักที่น้อยกว่าปกติ และเนื่องจากฝุ่นละอองขนาดเล็กเหล่านี้สามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือด ผ่านทางรกได้ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดการแท้งบุตร คลอดก่อนกำหนด หรืออาจจะส่งผลกระทบต่อพัฒนาการและระบบสมองของลูกได้โดยตรง
1. หน้ากากป้องกันฝุ่น หน้ากากแบบปกติไม่สามารถดักจับฝุ่นขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 ได้ ต้องเป็น หน้ากาก N95 เท่านั้น
2. ลดแหล่งมลพิษอื่นภายในบ้าน เช่น การสูบบุหรี่ การใช้เตาถ่าน การใช้สเปรย์ฉีดพ่นบ้าน การทำอาหาร การจุดเทียน
3. ให้อยู่ภายในอาคารบ้านเรือน หากไม่จำเป็นอย่าออกนอกบ้าน โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยง
4. ปิดประตูหน้าต่าง ป้องกันฝุ่นเข้า หากปิดไม่ได้ให้ใช้ผ้าชุบน้ำทำเป็นม่านปิดแทน
5. หากต้องออกนอกบ้าน ใช้ผ้าป้องกันฝุ่น ให้ใช้ผ้าชุบน้ำบิดพอหมาดๆ ปิดจมูกและปาก หรือใส่หน้ากากกรองฝุ่น
6. ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ ผู้หญิงตั้งครรภ์ และเด็กเล็ก จะต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสอากาศที่มีฝุ่นละออง
7.ไม่เผาขยะทุกประเภท โดยเฉพาะขยะที่เป็นสารพิษ เช่น พลาสติก ยางรถยนต์ รวมทั้งขยะทั่วไป
8.ให้ดื่มน้ำมากๆ การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายอยู่ในสภาวะที่สมดุล โดยเฉพาะการจิบน้ำบ่อยๆและการดื่มน้ำอุ่นในอุณหภูมิปกติ จะสามารถช่วยในการขับสารพิษ ลดอาการแพ้ และ ช่วยเคลียร์ระบบบทางเดินหายใจให้โล่งขึ้นได้
9. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ 1 มวนจะทำให้เกิดมลพิษทางอากาศเทียบเท่า PM2.5 22 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อาจจะกล่าวได้ว่าผู้สูบบุหรี่รวมทั้งคนใกล้ชิดที่ได้รับควันบุหรี่จะได้รับมลพิษทางอากาศหรือ PM2.5 สูงถึง 220 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่อยู่ในระดับอันตรายต่อสุขภาพ
10. สนใจสังเกตอาการ ผู้ที่มีอาการเรื้อรังต่อเนื่องอย่างเช่น การหายใจลำบาก รู้สึกเหนื่อยล้าผิดปกติ หรือไอรุนแรง อาจเป็นสัญญาณที่บ่งถึงปัญหาที่มีสาเหตุเกี่ยวกับสภาพปอดหรือการทำงานของปอด รีบปรึกษาแพทย์หากมีอาการใหม่ๆ ที่แสดงถึงปัญหาเกี่ยวกับระบบหัวใจหรือระบบทางเดินหายใจ หรือสังเกตว่าสุขภาพแย่ลง
ฝุ่น pm 2.5 เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คนไข้ที่มีปัญหาเรื่องภูมิแพ้อากาศ ไซนัสอักเสบ และริดสีดวงจมูก กลับมามีอาการกำเริบ เป็นมากขึ้นได้ หมอแนะนำให้ดูแลสุขภาพต่อเนื่อง และเมื่อไหร่ที่มีอาการแนะนำให้ใช้ยารักษาอย่างตรงจุดนะคะ
ในชุดจะมีตัวยา 3 ตำรับคือ
- ยาทาน B-Breath : รักษาอาการไซนัสอักเสบ ภูมิแพ้อากาศ ริดสีดวงจมูก ช่วยลดอาการอักเสบ สลายเสมหะเหนียวข้นที่โพรงจมูกและโพรงไซนัส ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ลดอาการบวมของริดสีดวงจมูก จนริดสีดวงจมูกสามารถฝ่อ ยุบ แห้งลง ลดอาการอักเสบในโพรงจมูก แก้อาการโพรงจมูกบวม ทำให้น้ำมูกแห้ง ลดอาการน้ำมูกไหลลงคอ บรรเทาอาการคัดแน่นจมูก หายใจไม่สะดวก ช่วยทำให้ประสาทรับกลิ่น รับรสชาติกลับมาเป็นปกติเมื่อรักษาอย่างต่อเนื่อง
- ยาทาภายนอก White Balm : ทำให้หายใจได้สะดวก ลดอาการคัดแน่นจมูก แก้อาการจมูกตัน หายใจไม่ออก น้ำมันหอมระเหยใน white balm จะช่วยลดอาการอักเสบในโพรงจมูก เน้นทา 5 จุดสำคัญตอนนอน หรือระหว่างวันเพื่อให้การหายใจดีขึ้น (1.ปลายจมูกเหนือริมฝีปาก 2.โหนกคิ้ว หัวคิ้ว 3.ขมับ 4.หลังใบหู 5.ท้ายทอย)
- ยาอมสมุนไพร : บรรเทาอาการเจ็บคอ ขับเสมหะ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียในลำคอ ลดภาวะอาการเสียงแหบ ช่วยให้ชุ่มคอ ในช่วงแรกของการรักษาหากมีภาวะไซนัสอักเสบ หรือน้ำมูกคั่งค้างในจมูกมาก จะถูกขับออกมาใน 7-15 วันแรก ยาอมจะช่วยทำให้เสมหะลดลง ลดภาวะการติดเชื้อในลำคอได้นะคะ
เพราะในการรักษาอาการภูมิแพ้ ไซนัส ริดสีดวงจมูกกับปุณรดายาไทย จะไม่ได้เพียงจ่ายยา แต่เรายังมี การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งเรื่องของวิธีการดูแลสุขภาพที่ออกแบบเฉพาะบุคคลสำหรับผู้ที่มีภาวะภูมิแพ้ ไซนัส ริดสีดวงจมูก อาหารที่ควรทาน และ ควรงด อาหารแสลง อาหารที่ส่งผลโดยตรงต่ออาการภูมิแพ้ ไซนัส ริดสีดวงจมูก แนะนำให้แบบรายบุคคล
พร้อมทีมแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนไทยประยุกต์ที่ได้รับใบประกอบโรคศิลปะจากสภาการแพทย์แผนไทยคอยดูแล ตอบคำถามทุกเคสโดยคุณหมอ ตั้งแต่ 09.00-21.00 น. ทุกวันไม่มีวันหยุด เพราะ ความเจ็บป่วย รอไม่ได้
สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 02-1147027
ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร
"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"
แพทย์แผนไทย
" ความมั่งคั่งที่แท้จริง จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรามีสุขภาพกายและใจที่ดี สมดุล แข็งแรง "