อาหารแสลง คือสิ่งที่หลายคนอาจจะไม่รู้ หรือรู้ก็อาจจะไม่เข้าใจว่าทำไม เพราะในปัจจุบันก็อาจจะมีหลายกระแสที่ออกมาบอกว่าไม่มีหรอก อาหารแสลง ทำไปเถอะเพราะมันไม่เกี่ยว แต่แท้จริงแล้ว ร่างกายทำงานสัมพันธ์กันหมด เราทำอะไร กินอะไร ร่างกายก็ฟ้องออกมาแบบนั้น
ของแปรรูป : ของหมัก ของดอง แหนม ปลาเค็ม ปลาร้า กะปิ ปลากระป๋อง อาหารกระป๋อง อาหารสุกแช่แข็ง เบคอน เนยเทีย ชีส
เครื่องดื่ม : ชา กาแฟ นมจากสัตว์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำอัดลม น้ำหวาน
ผัก : หน่อไม้ กุยฉ่าย สะตอ กระถิน กระเฉด ชะอม มะระ(ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย) กะหล่ำปลีดิบแครอทดิบ บีทรูท
ผลไม้ : ทุเรียน เงาะ มะม่วงสุก ลำไย ลิ้นจี่ สับปะรด ลองกอง มะไฟ มะปราง มะยม สละ ขนุน ละมุด ตะลิงปลิง มะดัน น้อยหน่า อ้อย จาวตาล เนื้อมะพร้าว เสาวรส
อาหารรสจัด : เค็มจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด หวานจัด
อาหารทะเล : หอยและหมึกทุกชนิด กุ้ง กั้ง แมงดา แมงกะพรุน ไข่หอยเม่น ปลาสำลี ปลาทู ปลาซาบะ ปลาโอ ปลาอินทรีย์เค็ม ปูดองทุกชนิด
เนื้อสัตว์ : วัว ควาย นกทุกชนิด ไก่* เป็ด ห่าน ปลาดิบทุกชนิด ปลาไหล ปลาดุก ปลานิล ปลาดอลลี่ ปลาคัง ปลาชะโด ปลาบึก ปลาหมอ ปลาแดงน้ำจืด เนื้อจระเข้ เนื้อแพะ เนื้อแกะ ไข่เป็ด ไข่ข้าว ไข่นกกระทา ไข่นกกระจอกเทศ เนื้องูทุกชนิด เครื่องในสัตว์ทุกชนิด
อื่นๆ : อาหารกึ่งสุก-ดิบ ลาบ ลู่ ก้อย ข้าวเหนียว น้ำจิ้มทุกชนิด กะทิ เต้าเจี้ยว น้ำส้มสายชู กุ้งแห้ง ขนมจีนเส้นหมัก อาหารปิ้ง-ย่าง อาหารใช้น้ำมันทอดซ้ำ ข้าวปั้น ซูชิ มายองเนส น้ำสลัดทุกชนิด น้ำผึ้ง(ไม่เหมาะกับผู้มีแผล มีหนอง)
และนี่ก็คือสิ่งที่หลายคนอาจจะไม่รู้ หรือรู้ก็อาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ควรทาน เพราะในปัจจุบันก็อาจจะมีหลายกระแสที่ออกมาบอกว่าไม่มีหรอก อาหารแสลง ทานไปเถอะเพราะมันไม่เกี่ยว แต่แท้จริงแล้ว ร่างกายทำงานสัมพันธ์กันหมด ปัจจัยเสี่ยง ที่ไม่ควรมองข้าม เราทำอะไร กินอะไร ร่างกายก็ฟ้องออกมาแบบนั้น จะว่าไม่เกี่ยวก็อยากให้ลองพิจารณาดูให้ครบทุกด้าน เพราะสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ไม่อยากให้ทำแค่ถูกใจตัวเองในวันนี้แล้วในระยะยาวสุขภาพค่อยๆแย่ลง แต่จะดีกว่าไหมที่เราค่อยๆเรียนรู้ ทำความเข้าใจร่างกาย ว่าตอนนี้ร่างกายเราเป็นอะไร ร่างกายต้องการหรือไม่ต้องการอะไร สังเกตและเฝ้าดูร่างกายด้วยความรัก ความเข้าใจ ไม่ใช่ตามใจอย่างเดียวนะคะ
ปุณรดายาไทยดูแลคนไข้ที่เข้ามาปรึกษาด้วยผู้เชี่ยวชาญทั้งแพทยแผนไทยและแพทย์แผนไทยประยุกต์ในการเลือกตัวยารักษาให้ตรงจุดกับอาการที่คนไข้เป็นมากที่สุด ในการรักษาอาการงูสวัดก็เช่นกัน ตำรับยาที่ใช้รักษาต้องครอบคลุม ป้องกันภาวะแทรกซ้อน อาการข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นได้ เพื่อให้งูสวัดสงบเร็วที่สุด ลดภาวะการที่คนไข้ต้องทรมานจากโรค
ชุดการรักษา H-Set รักษางูสวัดประกอบด้วยตัวยาสำคัญดังนี้
1. ตำรับยาแก้น้ำเหลืองเสีย หรือ B-Treat จะมีหน้าที่เข้าไปรักษาอาการผื่นงูสวัดโดยตรง ฟื้นฟูและขับน้ำเหลืองเสีย บำรุงระบบน้ำเหลือง ช่วยรักษาแผลงูสวัดให้หายเร็วมากขึ้นจากภายใน
2. ตำรับยาประสะจันทน์แดง หรือ B-Cool ตัวยาลดไข้ กระทุ่งพิษไข้ที่เกิดจากการกำเริบของเชื้อไวรัส
3. น้ำมันมหาจักร์ B-Liz2 Oil ยาทาภายนอกสำหรับแผลงูสวัด ช่วยให้แผลแห้ง สมานแผล ลดอาการแสบร้อนที่ผิวหนัง
การรักษาตามแนวแพทย์แผนไทยมุ่งเน้นในด้านการรักษาอาการให้หายสนิทรวมไปถึงการช่วยป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ ขั้นตอนของการรักษาด้วยชุดยา H-Set จะใช้เวลาประมาณ 5-14 วัน จนอาการหายสนิท หลังจากอาการหายสนิท จะเป็นขั้นตอนของการฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ ด้วยชุดยา B-Boost Set ในชุดของการฟื้นฟูจะช่วยทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงขึ้น กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ขับฟอกโลหิตที่เสีย พร้อมบำรุงโลหิต บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง การที่เรามีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง จะเป็นการลดโอกาสการเป็นซ้ำและทำให้อาการหายขาดได้ ช่วงของการฟื้นฟูจะใช้เวลาประมาณ 3 - 6 เดือนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
ปุณรดายาไทยมีผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรและทีมแพทย์แผนไทยที่มีประสบการณ์ยินดีให้คำปรึกษาสำหรับการใช้สมุนไพรรักษาอาการงูสวัด สามารถปรึกษาอาการเข้ามาทาง Line ของปุณรดายาไทยได้เลยนะคะ ทางเรามีคุณหมอคอยดูแลให้คำแนะนำทุกวัน ตั้งแต่ 09:00 - 21:00 เลยค่ะ
เมื่อไหร่ที่คุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ และต้องการทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งมากขึ้นด้วยศาสตร์ธรรมชาติ ที่นำเอาการแพทย์แผนไทยมาประยุกต์ใช้ นึกถึงปุณรดายาไทยนะคะ เพราะเราคือ “แพทย์แผนไทยที่อยู่ใกล้คุณที่สุด”
LINE ID: @Poonrada
TEL: 02-1147027
ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร
"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"
แพทย์แผนไทย
" ความมั่งคั่งที่แท้จริง จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรามีสุขภาพกายและใจที่ดี สมดุล แข็งแรง "